“บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ” ไม่หวั่นค่าภาษีน้ำมันปรับขึ้น ทำหลายสายการบินเพิ่มระวางการบรรทุกมากขึ้น ชี้ไม่นานจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะบรรทุกนำหนักมากมาก แบกรับภาระสิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มมากขึ้น เผยคงเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 5%
นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้จัดการ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ BAFS กล่าวว่า ประเมินผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2560 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แม้ว่าปริมาณการเติมน้ำมันของแต่ละสายการบินอาจจะปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีน้ำมันอากาศยาน ทำให้สายการบินต่างประเทศมีการบรรทุกน้ำมันเข้ามามากขึ้น เพื่อหวังจะลดต้นทุนค่าเชื่อเพลิง โดยประเมินว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเข้าสู่ปกติในเร็วๆ นี้ เนื่องจากการบรรทุกน้ำมันเข้ามาเป็นปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของสายการบินนั้นๆ เอง เนื่องจากเมื่อเครื่องบินมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ในส่วนของเป้าหมายรายได้ปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าในการเติบโตไว้ที่ประมาณ 5% ซึ่งใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 3,565 ล้านบาท ตามปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน ที่คาดเติบโตเฉลี่ย 4-5% มาที่ 5,884 ล้านลิตร จากปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 5,657 ล้านลิตร โดยปริมาณที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น มาจากราคาน้ำมันโลกที่ประเมินว่า จะอยู่ในระดับราคา 55-65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น หลังเปิดอาคารที่พักผู้โดยสาร 2 ของท่าอากาศยานดอนเมือง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้บริการเชื้อเพลิงในสนามบิน อยู่ที่ 80% และอีก 20% มาจากธุรกิจท่อส่งน้ำมันนอกสนามบินที่ดำเนินการโดยบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทคาดหมายว่า ในอนาคต สัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่อส่งน้ำมัน จะขยับขึ้นเป็น 30% ภายในปี 2562 ตามโครงการขยายระบบท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือที่จะแล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน ธุรกิจการเติมน้ำมันภายในสนามบิน ก็จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 70% โดยในระยะยาว สัดส่วนรายได้ของธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันในสนามบิน จะลดลงมาอยู่ที่ 60% และ FPT จะปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40% ตามลำดับ
“แผนการลงทุนในปีนี้นั้น บริษัทวางงบลงทุนทั้งกลุ่มบริษัทฯ ไว้ที่ 4,300 ล้านบาท โดยจะใช้ในธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันในสนามบินเป็นหลัก ส่วนที่เหลือจะเป็นงานต่อเนื่องในโครงการของ FPT ในส่วนของโครงการขยายท่อส่งน้ำมันภาคเหนือที่จังหวัดพิจิตร-และลำปาง มูลค่า 8,000 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างคลังน้ำมันเป็นศูนย์กระจายน้ำมัน และได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 19% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ตามกำหนดภายในปี 2562 ตามที่บริษัทตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ IRR มากกว่า 10%”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจาก บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ในการขยายท่าอากาศยานดอนเมือง เฟส 3 ออกไป โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้มีการว่าจ้างออกแบบหลุมเจาะแล้ว และหากแผนงานของ AOT มีความชัดเจน บริษัทก็มีความพร้อมในด้านเงินทุน จากปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.62 เท่า ซึ่งล่าสุด บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ บริษัท บาฟส์ อินโนเวชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ (BAFS Innovation development Company Limited : BID) เพื่อทำการวิจัยลดต้นทุน และพัฒนานวัตกรรมคิดค้นสินค้าใหม่ๆ โดยล่าสุด ได้มีการคิดสินค้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย และมีการจำหน่ายให้กับบริษัทในเครือ คาดว่าในปีนี้จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึั้น 1-2% ของรายได้รวมทั้งหมด