อธิบดีกรมธนารักษ์ แจงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศ ในปัจจุบันได้ดำเนินการจนเสร็จสิ้นแล้วกว่า 18 ล้านแปลง ส่วนที่เหลืออีก 13.4 ล้านแปลงจะแล้วเสร็จในปี 60 เพื่อให้ทัน พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบังคับใช้ในปี 61
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมในการจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์ : การร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... ว่า ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และจะมีผลบังคับใช้จริงในปี 2561
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้ดำเนินการจัดทำบัญชีเพื่อประเมินราคาที่ดินไปแล้วทั้งสิ้น 18.6 ล้านแปลงจากที่ดินที่มีทั้งสิ้น 32 ล้านแปลงในปัจจุบัน ส่วนที่เหลืออีก 13.4 ล้านแปลงนั้นกรมธนารักษ์จะเร่งดำเนินการจัดทำบัญชีราคาประเมินให้เสร็จสิ้นภายในปี 2560 เพื่อรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มต้นในปี 2561 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณ ภาษีที่ดินใหม่ตามราคาประเมินที่กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการไปตาม ม.32 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดทำบัญชีราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น ในกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด คอนโดมีเนียม และอาคารต่างๆ ที่ไม่เคยมีการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อใช้เป็นฐานมูลค่าทรัพย์สินในการคำนวณภาษี
โดยกรมธนารักษ์จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์โดยออกเป็นกฎกระทรวงต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดินฯ ใหม่ที่ สนช. กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ยังต้องทำการส่งบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมถึงห้องชุดตาม ม.32 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งและสิ่งสร้างที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตการปกครองของตน และรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้นจะตกเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ โดยตรง
นอกจากนี้ นายจักรกฤศฏิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2559 กรมธนารักษ์ได้จัดเงินงบปรมาณกลางปีวงเงิน 800 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้จัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อนำข้อมูลเข้าระบบ มีการจัดระบบฮาร์ดแวร์เพื่อจัดเก็บข้อมูล และงานด้านซอฟต์แวร์เพื่อบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมด โดยการจัดทำข้อมูลดังกล่าวนั้นก็เพื่อจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแง่ของการเข้าถึงข้อมูลบัญชีราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศได้เมื่อถึงปี 2562
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการเตรียมพร้อมในปีงบประมาณ 2560 นั้น กรมธนารักษ์ได้จัดเตรียมส่งบัญชีรอบปี พ.ศ. 2559-2562 ให้ท้องถิ่นทั่วประเทศจำนวน 7,853 แห่ง โดยได้จัดส่งบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรายแปลงแล้ว 18.6 ล้านแปลง และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้างอีก 7,853 แห่ง รวมถึง บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ 3,072 อาคาร
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมในการจัดทำบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ของอสังหาริมทรัพย์ : การร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... ว่า ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และจะมีผลบังคับใช้จริงในปี 2561
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้ดำเนินการจัดทำบัญชีเพื่อประเมินราคาที่ดินไปแล้วทั้งสิ้น 18.6 ล้านแปลงจากที่ดินที่มีทั้งสิ้น 32 ล้านแปลงในปัจจุบัน ส่วนที่เหลืออีก 13.4 ล้านแปลงนั้นกรมธนารักษ์จะเร่งดำเนินการจัดทำบัญชีราคาประเมินให้เสร็จสิ้นภายในปี 2560 เพื่อรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเริ่มต้นในปี 2561 ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณ ภาษีที่ดินใหม่ตามราคาประเมินที่กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการไปตาม ม.32 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อจัดทำบัญชีราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น ในกรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด คอนโดมีเนียม และอาคารต่างๆ ที่ไม่เคยมีการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อใช้เป็นฐานมูลค่าทรัพย์สินในการคำนวณภาษี
โดยกรมธนารักษ์จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์โดยออกเป็นกฎกระทรวงต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดินฯ ใหม่ที่ สนช. กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ยังต้องทำการส่งบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรวมถึงห้องชุดตาม ม.32 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งและสิ่งสร้างที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตการปกครองของตน และรายได้จากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวนั้นจะตกเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ โดยตรง
นอกจากนี้ นายจักรกฤศฏิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2559 กรมธนารักษ์ได้จัดเงินงบปรมาณกลางปีวงเงิน 800 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้จัดทำฐานข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อนำข้อมูลเข้าระบบ มีการจัดระบบฮาร์ดแวร์เพื่อจัดเก็บข้อมูล และงานด้านซอฟต์แวร์เพื่อบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมด โดยการจัดทำข้อมูลดังกล่าวนั้นก็เพื่อจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแง่ของการเข้าถึงข้อมูลบัญชีราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศได้เมื่อถึงปี 2562
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการเตรียมพร้อมในปีงบประมาณ 2560 นั้น กรมธนารักษ์ได้จัดเตรียมส่งบัญชีรอบปี พ.ศ. 2559-2562 ให้ท้องถิ่นทั่วประเทศจำนวน 7,853 แห่ง โดยได้จัดส่งบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรายแปลงแล้ว 18.6 ล้านแปลง และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์สิ่งปลูกสร้างอีก 7,853 แห่ง รวมถึง บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ 3,072 อาคาร