วันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมประชาสัมพันธ์บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือหุ้น IFEC ได้ส่งแถลงการณ์ยาวเหยียด ชี้แจงปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาต่างๆของคณะกรรมการบริษัทฯ
แถลงการณ์ส่วนใหญ่ พูดถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ถือหุ้นสองกลุ่มและกรรมการของแต่ละฝ่าย อุปสรรคของการแก้ปัญหา อันเกิดจากนื่องกรรมการที่เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ
นอกจากนั้นยังอ้างถึงการทุจริตภายใน โดยระบุว่า นายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ “ไอเฟค” ตรวจพบพฤติกรรมที่ส่อทุจริตของอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัทฯ และร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบผู้บริหารบริษัททั้งหมด รวมทั้งดำเนินคดีอาญาและแพ่งถึงที่สุด
ท้ายของเอกสารมีคำประกาศ ดำเนินคดีกับใครก็ตามที่นำข้อมูลความลับทางธุรกิจของบริษัท เปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างผลเสียร้ายต่อธุรกิจของบริษัทและผู้ถือหุ้น
แถลงการณ์ล่าสุดที่ฝ่ายบริหารไอเฟคส่งมา สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาความขัดแย้งภายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ยังไม่สงบ ยังมีความวุ่นวายในการบริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่สองกลุ่มพยายามช่วงชิงอำนาจกันอยู่ และเล่นกันแรงขึ้น โดยไล่รื้อฟื้นการทุจริต ถึงขั้นดำเนินคดีให้ดับดิ้นสิ้นอนาคตกันไปข้างหนึ่ง
การขุดคุ้ยทุจริต ไล่ล่าคนโกงมาลงโทษนั้น ผู้ถือหุ้น “ไอเฟค”คงสนับสนุนเต็มตัว เพราะการบริหารที่ไม่โปร่งใส เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเกือบ 30,000 คนต้องเดือดร้อน
แต่ทำไมฝ่ายบริหาร “ไอเฟค”จึงพุ่งเป้าไปใช้บริการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำไมไม่แจ้งข้อมูลการทุจริตไปที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ทำไมไม่รายงานความโปร่งใสไปให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง
ไม่เชื่อมั่นในบทบาทของก.ล.ต.หรืออย่างไร
คำถามตามมาคือ เบาะแสการทุจริตภายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ ซึ่งถูกตีแผ่ออกมาเป็นระยะๆนั้น ก.ล.ต.เคยเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ กระตือรือร้นที่จะค้นหาขนาดไหน ได้ประสานงานเพื่อขอให้ฝ่ายบริหารบริษัทส่งหลักฐานมาบ้างหรือไม่
การร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่กระทำผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ควรเป็นหน้าที่ของก.ล.ต.โดยตรง จะปล่อยให้ปัญหาการทุจริตภายในบริษัทจดทะเบียน เป็นหน้าที่ของกรรมการหรือฝ่ายบริหารบริษัทฯจัดการกันเองไม่ได้
ก.ล.ต.มีหน้าที่กำกับดูแล มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เมื่อมีเบาะแสการทุจริต ต้องลุยสอบข้อเท็จจริงทันที
หุ้นไอเฟคถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี พักการซื้อขายตังแต่วันที่ 12 มกราคม 2560 ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว การแก้ปัญหาหนี้สิน การไม่นำส่งงบการเงินปี 2559 ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เพราะศึกภายในยังไม่จบ ผู้ถือหุ้นใหญ่สองกลุ่มยังรบกันไม่เลิก ไม่มีการทำสัญญาสงบศึก การแก้ปัญหาจึงหยุดชะงัก
ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้แต่เฝ้าดูตาละห้อย ไม่รู้จะเรียกหาความเห็นใจจากใคร นอกจากทำใจว่า การนำหุ้นไอเฟคกลับสู่สถานการณ์ปกติ คงใช้เวลาอีกยาวนาน
ก.ล.ต.ก็ได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆ ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยรอวันเฉาตาย
สถานการณ์ไอเฟคเกินกว่าการสุกงอมแล้ว จัดประชุมผู้ถือหุ้นโหวตมติการแก้ปัญหาต่างๆก็ไร้ผล การแก้ปัญหาไม่คืบ ความวุ่นวายดำเนินต่อไป ความเสียหายลุกลามบานปลายมากขึ้น
บ้านเมืองยามเกิดความวุ่นวาย ไร้ทางออก การรัฐประหารมักจะตามมา เพื่อการแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จ
“ไอเฟค”ตกอยู่ในภาวะไร้ทางออก ผู้ถือหุ้นรายย่อยเหมือนตกอยู่ในนรก ผู้บริหารขัดแย้งแตกแยก กิจการระส่ำระสาย เข้าข่ายต้องรัฐประหาร เพียงแต่ใครล่ะจะยึดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเท่านั้น