หุ้นไทยปิดท้ายสัปดาห์ในแดนบวก โบรกฯ มองสัปดาห์อาจแกว่งตัวในกรอบ 30 จุด (1,530-1,560 จุด) แม้ไร้ปัจจัยใหม่กระทบ แนะจับตาการเมืองสหรัฐฯ ชี้ควรปรับพอร์ต เลือกลงทุนหุ้นรายตัว
ดัชนีการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ปรับตัวอยู่ในแดนบวกโดยปิดตลาด +3.76 จุด หรือ +0.24% โดยปิดตลาดดัชนี SET INDEX ปิดที่ 1,549.64 จุด ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,552.23 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,545.23 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 34,179.90 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 580 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 463 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง 460 หลักทรัพย์
ขณะที่จำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 800.18 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิกว่า 152.06 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศ กลับขายสุทธิกว่า 814.27 ล้านบาท และบัญชี บล.ขายสุทธิกว่า 137.96 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
1.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ปิดที่ 18.20 บาท ลดลง -0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,081.56 ล้านบาท
2.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ปิดที่ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,373.05 ล้านบาท
3.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ปิดที่ 187.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,064.42 ล้านบาท
4.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ปิดที่ 393.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,061.00 ล้านบาท
5.บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ปิดที่ 1.67 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าการซื้อขาย 955.61 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,214.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือ 0.21% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 982.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.42 จุด หรือ 0.14% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 560.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.74 จุด หรือ 0.85%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า หุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศฯ อีกทั้งราคาน้ำมันโลกที่กลับมาในทิศทางบวกหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม มองว่ากระแสข่าวการถอดถอน นายโดนัลด์ ทรัปม์ ปธน.สหรัฐฯ ยังไม่ใช่ประเด็นที่ควรกังวล เพราะเพียงอยู่ในกระบวนการตรวจสอบพิจารราความผิดระยะเริ่มแรกเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีความผิด ประเด็นดังกล่าวก็จะถูกตีตกไป แต่หากมีความผิดตามที่มีการกล่าวหา และถอดถอน ก็ยังมีกระบวนการที่ใช้เวลาอีกนานพอสมควร อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้เป็นเพียงกระแสสำหรับขายทำกำไรในหุ้นสหรัฐฯ หลังปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องเท่านั้น
ขณะที่ในส่วนปัจจัยในประเทศนั้น มองว่ายังไม่มีอะไรใหม่เข้ามา โดยหลังจบฤดูกาลประกาศงบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 1/2560 แม้หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กบางส่วน ถูกปรับประมาณการลง แต่ภาพรวมของตลาดฯ ยังไม่เปลี่ยนไป เพราะหุ้นขนาดกลาง และขนาดใหญ่บางส่วน ยังมีราคาไม่แพงมากนัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน
“แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า มองว่าหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบที่ประมาณ 30 จุด โดยแนวรับที่ 1,530 จุด และแนวต้านที่ 1,560 จุด เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา แต่กระนั้น ต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ โดยนักลงทุนควรเลือกลงทุนด้วยความระมัดระวังมากขึ้น พิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลดลงเหลือเพียงแค่ระดับเฉลี่ยที่ 30,000 ล้านบาท”
ทั้งนี้ กระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติในปัจจุบัน แม้จะไม่มีเม็ดเงินออกไหลออก แต่ก็ไม่มีเงินใหม่เข้าเช่นกัน โดยแนวโน้มในอีก 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า อาจไปในทิศทางลบ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดฯ คาดการณ์ ดังนั้น กลยุทธ์หลักจึงควรชะลอลงทุน และเก็งกำไรเน้นหุ้นรายตัวเป็นหลัก