วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส แนะนักลงทุนระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรง ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,245 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,236 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
สภาวะตลาดวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,252-1,246.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออก อยู่ที่ 20,400 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM17 อยู่ที่ 20,550 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 170 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,720 บาท (หมายเหตุ : ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.14 น.ของวันที่ 19/05/2560)
แนวโน้มวันที่ 22 พฤษภาคม 2560
การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดการเงิน หลังจากตลาดการเงินประสบภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในช่วงผ่านมา โดยเป็นผลจากข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสราว 69 % ที่เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. โดยปรับลดลงจากโอกาส 78.5% ที่เคยคาดไว้ในวันอังคาร แม้ประเด็นดังกล่าวจะดันราคาทองคำทะยานขึ้น อย่างไรก็ตาม มีแรงขายทองคำสลับออกมา เมื่อตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ใกล้ภาวะการจ้างงานเต็มที่ เห็นได้จากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ต่ำกว่า 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 115 ติดต่อกัน ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2514 ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.4% ในช่วงนี้ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดรอบ 10 ปี
ทั้งนี้ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารสาขาคลีฟแลนด์ สนับสนุนให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุลลงจาก 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบันได้บรรลุการจ้างงานเต็มที่แล้ว และอัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้กับระดับเป้าหมาย 2% ที่เฟด ตั้งไว้ แต่ราคาทองคำยังคงสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ เพราะนักลงทุนปรับลดความคาดหวังที่มีต่อนโยบายปรับลดภาษี และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ปธน.ทรัมป์ และผลจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ และความกังวลทางการเมือง ซึ่งรอยเตอร์ เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ 53% มองว่า มีโอกาสน้อยลงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 3% ในปี 2560 ซึ่งปรับลดลงจากในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา และประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตเพียง 0.7% เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปีในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นอัตราที่เชื่องช้าที่สุดในรอบ 3 ปี แนะนำว่า ให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อ เพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก ประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้บ้าง โดยหากราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,265 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี มีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,265 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 1,278 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรง ก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้ อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,245 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,236 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์