แสนสิริ เผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 60 ยอดขายพุ่งทะลุ 6,651 ล้านบาท เติบโตถึงร้อยละ 40 ขณะที่รายได้รวมลดลงร้อยละ 7 และกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 8 แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้จากการขายโครงการลดลงถึงร้อยละ 19 ตัวแปรหลักรายได้คอนโดฯ เข้ามาน้อยกว่าโครงการแนวราบ
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มแสนสิริ ในช่วงไตรมาส 1/2560 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 6,651 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 4,745 ล้านบาท ถึง 40% ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกโดยหลักมาจากกลุ่มคอนโดมิเนียม ภายใต้บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง แบรนด์ เดอะ ไลน์ รวมถึงการนำคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ ไลน์ ไปโรดโชว์ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน และมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าร่วมงานโรดโชว์ในทั้ง 4 ประเทศจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมจากตลาดต่างชาติในช่วงไตรมาสแรกไปได้ถึง 1,700 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการ “98 Wireless” รวมถึงโครงการในต่างจังหวัดตามหัวเมืองท่องเที่ยว
“บริษัทยังมีรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรกสูงถึง 7,124 ล้านบาท และมีกำไร 512 ล้านบาท ซึ่งนับว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรขั้นต้น หรือ Gross Profit Margin ปรับตัวดีขึ้นจาก 30.7% ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็น 31.7% รวมถึงอัตราส่วนกำไรขั้นต้นจากการขายโครงการปรับตัวดีขึ้นจาก 30.3% เป็น 34.2% จากการโอนโครงการ 98 Wireless และบ้านเดี่ยวที่มี Margin สูง และสามารถคุมค่าใช้จ่าย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,325 ล้านบาท ลดลง 18.8% เมื่อเทียบปลายไตรมาส 4 ของปี 59 ” นายวันจักร์ กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 ล่าสุด บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งกรุ๊ป ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส ในชื่อโครงการ “เดอะ เบส เพชรเกษม” จำนวน 640 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,850 ล้านบาท และเตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการแรกของปีนี้ ได้แก่ โครงการ “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้อีกด้วย
อนึ่ง บริษัทแสนสิริ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ โดยระบุว่า ในไตรมาส 1 ปี 60 มีรายรับรวมทั้งสิ้น 7,124 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากจำนวน 7,686 ล้านบาทในไตรมาส1ปี 59 เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการขายโครงการ ซึ่งเป็นรายได้หลักของแสนสิริ ซึ่งลดลงที่ร้อยละ 19 รวมถึงการลดลงของรายได้ค่าบริการอื่น ซึ่งลดลงที่ร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม แสนสิริมีรายได้ค่าบริการธุรกิจ และรายได้จากโครงการเพื่อเช่าในไตรมาสที่ 1/2560 เพิ่มขึ้นอย่างมากที่ร้อยละ 171 และร้อยละ 49 ตามลําดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สําหรับกําไรสุทธิของไตรมาสที่ 1/2560 มีจํานวน 512 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับกําไรสุทธิ จํานวน 556 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2559
ทั้งนี้ รายได้จากการขายโครงการในไตรมาสนี้ ทำได้ 5,703 ลดลงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับ 7,041 ล้านบาท ในไตรมา1ปี 59 ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้โครงการคอนโดมิเนียม ในส่วนของรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม ลดลงที่ร้อยละ 30 จากจํานวน 5,024 ล้านบาท ในมาอยู่ที่จํานวน 3,501 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2560 ทั้งนี้ รายได้หลักของโครงการคอนโดมาจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการไนน์ตีเอท ไวร์เลส โครงการเอจด์สุขุมวิท 23 และโครงการเดอะเบส เซ็นทรัล พัทยา โดยมีรายรับรวมจาก 3 โครงการ จํานวน 2,322 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41 ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แสนสิริ มีรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ เพิ่มขึ้น โดยรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 8 มาอยู่ที่จำนวน 1,867 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา และโครงการคณาสิริ ศาลายา โดยมีรายรับรวม 3 โครงการ จำนวน 581 ล้านบาท และรายได้จากโครงการทาวน์เฮาส์ อยู่ที่จำนวน 335 ล้านบาท.