“บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง” กำไรไตรมาสแรกกระฉูด 421.37% หลังรับรู้รายได้โซล่าร์สหกรณ์ งานวิศวกรรมหนุน เดินหน้ารับงานตุน Backlog พร้อมยื่นโซลาร์สหกรณ์เฟส 2
นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ETE เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 421.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 5.38 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 354.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 306.83 ล้านบาท
โดยการเติบโตของทั้งกำไร และรายได้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการงานวิศวกรรม ในธุรกิจบริการติดตั้งระบบวิศวกรรมไฟฟ้า รวมถึงการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 12.67% เป็น 16.36% เนื่องจากกอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์สูงกว่า อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเดิม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่บริษัทฯยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตที่ระดับ 20-30% และที่สำคัญบริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้ารับงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจบริการบริหารจัดการ หรือ Outsourcing และธุรกิจบริการวิศวกรรม เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือ หรือ Backlog ให้เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทฯอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมในการยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ซึ่งมีเป้าหมายการเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้น จำนวน 55 เมกะวัตต์ (MW) โดยมีกำหนดการยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการภายในเดือนมิถุนายน 2560 โดยจะให้บริษัท อีทีจี เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มกิจการเป็นผู้ดำเนินการสำหรับธุรกิจพลังงานของ ETE
“ผลประกอบการในไตรมาสแรกเป็นไปตามที่เราได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งตัวเลขออกมาเป็นที่น่าพอใจ และมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังจากที่เราเริ่มรับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์มเข้ามาตั้งแต่ต้นปี รวมถึงงานวิศวกรรมไฟฟ้าก็สามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตของไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเรายังคงเดินหน้าในการเข้ารับงานอย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจเพื่อเพิ่มจำนวนตัวเลข Backlog ให้สูงขึ้นในทุกไตรมาส ซึ่งจะส่งผลให้การรับรู้รายได้ในปีนี้สามารถเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายไรวินท์ กล่าว