xs
xsm
sm
md
lg

“ดุสิตธานี” ไตรมาสแรกปี 60 กำไรสุทธิ 124 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บมจ.ดุสิตธานี ไตรมาส 1/60 กำไรสุทธิ 124 ล้านบาท ผู้บริหารระบุเป็นผลการดำเนินงานที่อยู่ในความคาดหมาย หลังวางแผนงาน 3 ระยะ โดยระยะสั้นในช่วง 3 ปีแรก เป็นช่วงของการสร้างฐานให้แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการขยาย และการลงทุนในอนาคต

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคมถึงมีนาคม) กลุ่มดุสิตธานี ยังสามารถดำเนินธุรกิจ โดยมีผลกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจากการรับจ้างบริหารโรงแรม และรายได้จากธุรกิจการศึกษา ขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมปรับตัวลดลง จากสภาพการแข่งขันสูง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการจัดโครงสร้างองค์กรภายใน และมีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ เพื่อรองรับกับการขยายตัวของธุรกิจ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้น

“ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกเป็นไปตามคาดการณ์ของฝ่ายบริหาร ที่ประเมินถึงผลกระทบจากการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมจะมีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะทำให้กลุ่มดุสิตธานี ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงาน” นางศุภจี กล่าว

พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานี ได้กำหนดแผนงานระยะ 10 ปี ระหว่างปี 2559-2568 โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ แผนระยะ 3 ปีแรก (2559-2561) ซึ่งเป็นช่วงที่เน้นเสริมสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง แผนระยะกลาง (2562-2564) เป็นช่วงของการรับรู้ศักยภาพในการเติบโต หลังจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่แล้วเสร็จ และเปิดให้บริการ และแผนระยะยาว (2565-2568) ซึ่งจะเป็นช่วงของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ หลังจากโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม หรือมิกซ์-ยูส เสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการ

สำหรับในช่วงปี 2560 นับเป็นช่วงที่กลุ่มดุสิตธานี ดำเนินงานอยู่ภายใต้แผนระยะ 3 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเสริมสร้างรากฐานให้แข็งแกร่ง ด้วยการวางทิศทาง และกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต ช่วงเวลานี้จึงนับเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เพราะการจะวางรากฐานให้แข็งแกร่งนั้น จะต้องอาศัยการพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงกระบวนการในการทำงาน การพัฒนาระบบเทคโนโลยี การพัฒนาด้านสินทรัพย์ และสุดท้าย คือ การพัฒนาขีดความสามารถทางการเงิน นั่นทำให้ดุสิตธานี มีความจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของบุคลากร โครงสร้างองค์กร การลงทุนในธุรกิจ หรือการซ่อมแซมสินทรัพย์ที่มีอยู่ ซึ่งทำให้บริษัทฯ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นช่วงการวางรากฐานที่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากกว่าปกติ แต่บริษัทฯ พยายามที่จะรักษาผลการดำเนินงานให้ใกล้เคียงกับที่เป็นอยู่ ดังนั้น ตามแผนพัฒนาระยะแรกนี้ จึงยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะเห็นการเติบโตของดุสิตธานีอย่างชัดเจน จนกว่าจะถึงแผนระยะที่ 2 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้าที่บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนต่างๆ ขณะที่ธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มนั้น แม้ว่าการแข่งขันในช่วงที่ผ่านมา จะมีความรุนแรงขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว แต่ฝ่ายบริหารก็ยังมีความมั่นใจว่า ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ “ดุสิตธานี” จะยังคงทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันได้อย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น