บมจ.โพลีเพล็กซ์ พลิกสถานการณ์จากขาดทุนสุทธิในปีก่อน 123 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปี 60 กว่า 1,366.36 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 1,489 ล้านบาท หรือ 1,208% เหตุจากปีก่อนประสบผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 1,366.36 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.55 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 123.24 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,489.60 ล้านบาท หรือ 1208.70%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ จำนวน 1,366.36 ล้านบาท รวมรายการขาดทุนจากการด้อยค่าในสินทรัพย์ของบริษัทย่อยที่สหรัฐฯ จำนวน 351.2 ล้านบาท และการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 245 ล้านบาท ที่บริษัทย่อยในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 313.24 ล้านบาท (ซึ่งเป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 368.55 ล้านบาท)
เมื่อเทียบกับปีนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษเหล่านี้ จะมีผลกำไรสุทธิของปีที่ผ่านมา จำนวน 787.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 1,366.36 ในปีนี้ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีจำนวน 326.01 ล้านบาท (ซึ่งเป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 274.63 ล้านบาท) เพิ่มจาก 787.2 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เทียบกับปีนี้เท่ากับ 1,040.35 ล้านบาท
นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ว่า บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 1,366.36 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.55 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 123.24 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,489.60 ล้านบาท หรือ 1208.70%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ จำนวน 1,366.36 ล้านบาท รวมรายการขาดทุนจากการด้อยค่าในสินทรัพย์ของบริษัทย่อยที่สหรัฐฯ จำนวน 351.2 ล้านบาท และการกลับรายการสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี 245 ล้านบาท ที่บริษัทย่อยในสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 313.24 ล้านบาท (ซึ่งเป็นการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 368.55 ล้านบาท)
เมื่อเทียบกับปีนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษเหล่านี้ จะมีผลกำไรสุทธิของปีที่ผ่านมา จำนวน 787.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 1,366.36 ในปีนี้ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในปีจำนวน 326.01 ล้านบาท (ซึ่งเป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 274.63 ล้านบาท) เพิ่มจาก 787.2 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เทียบกับปีนี้เท่ากับ 1,040.35 ล้านบาท