กสิกรไทย ชี้บาทแข็งค่าช่วงสั้น แนวโน้มยังอ่อนหลังเฟด มีความชัดเจนในการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น และส่งสัญญาณลดการถือครองทรัพย์สิน คาดสิ้นไตรมาส 2 แตะ 35.40 คาด กนง.คงดอกเบี้ยยาวถึงสิ้นปี
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจ้ยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารยังคงประมาณการค่าเงินบาท ณ สิ้นปีที่ระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นไตรมาส 2 ที่ระดับ 35.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากระดับปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเป็นการแข็งค่าขึ้นชั่วคราวตามฤดูกาลที่มีนักท่องเที่ยวมากในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าที่คาดด้วย ขณะที่ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. เป็นฤดูกาลของการจ่ายเงินปันผลจึงน่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง ก็จะเป็นการช่วยผู้ประกอบการส่งออกอีกทางด้วย
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น มีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะปรับขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่ตลาดได้รับรู้ข่าวไปแล้ว แต่ยังมีส่วนที่ต้องติดตาม คือ แนวทางการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ของเฟด ที่มีอยู่ประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดฯ ของประเทศเกิดใหม่รวมถึงไทย ที่มีปริมาณการถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติอยู่ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วย
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้น ยังคงต้องติดตามการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ออกมา รวมถึงความคืบการปฏิรูปด้านต่างๆ ของรัฐบาล ที่จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจ และหันมาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ เชื่อว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 24 พ.ค.นี้ และยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับเดิมไปตลอดทั้งปีนี้
ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการส่งออกส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ได้รับชำระค่าเงินสินค้าแลกกลับมาเป็นเงินบาทน้อยลง ทำให้ขาดสภาพคล่องไปบ้าง การลดดอกเบี้ย แม้จะไม่ได้เป็นการช่วยเหลือโดยตรง แต่ก็ช่วยลดภาระบางส่วนให้ได้
“ในเรื่องของมาตรการต่างๆ ที่จะมาดูแลเรื่องค่าเงินบาท หรือเงินทุนนั้น เชื่อว่ายังไม่น่าจะทำอะไร และน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับนี้จนถึงสิ้นปี เพราะมาตรการดอกเบี้ยไม่สามารถแก้ได้ทุกปัญหา”