บอร์ดหนี้สินและสินทรัพย์ ธอส. เตรียมหารือแนวทาง และผลกระทบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉพาะโครงการสินเชื่อบ้านคงที่ 3.4% ระยะเวลา 3 ปีลงอีก 0.75% ในวันที่ 18 พ.ค. “กรรมการผู้จัดการ ธอส.” ระบุหากบอร์ดฯ อนุมัติจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ กำหนดวงเงินสินเชื่อรวมไว้ที่ 1 หมื่นบาท เน้นปล่อยกู้ผู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ไม่กำหนดเงื่อนไขต้องกู้เพื่อซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น
นายฉัตรชัย ศิริวิไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้านของธนาคารตามเสียงเรียกร้องของนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า ธอส. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารหนี้สินและสินทรัพย์ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาถึงแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงประเมินถึงผลกระทบต่อความสามารถ และพอร์ตของธนาคาร
กรรมการผู้จัดการ ธอส. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของ ธอส. ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR ไว้ที่ 6.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR จะอยู่ที่ 6.40% และอัตราดอกเบี้ย MOR กำหนดไว้ที่ 7.25% ทั้งนี้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวนั้นถือว่าต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.4% ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่ง ธอส.ได้เปิดตัวไปแล้วในงานมันนี่ เอ็กซ์โป ที่เพิ่งผ่านมา เนื่องจาก ธอส.มีนโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง และแพกเกจสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 3.4% ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในตลาดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาของที่ประชุมฯ มีความเห็นว่า ไม่มีผลกระทบแล้ว ธอส. คาดว่าจะทำการลดดอกเบี้ยลงอีกราว 0.75% สำหรับโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.4% ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในเบื้องต้น ลดลงเหลือ 2% เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเน้นให้ความช่วยเหลือแก่คนกลุ่มนี้ ทั้งนี้ จะมีการกำหนดเงื่อนไขการกู้ยืม เช่น กำหนดเพดานเงินกู้สูงสุดของผู้กู้ รวมถึงรายได้รวมของผู้กู้จะอยู่ที่ 45,000 บาทต่อปี ในกรณีกู้ร่วม หรือมีรายได้สุทธิประมาณ 20,000-25,000 บาทต่อเดือน และไม่จำเป็นต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อบ้านหลังแรก แต่เพียงอย่างเดียว
โดย ธอส.จะเน้นดูแลผู้กู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 2,000,000 บาท ภายใต้วงเงินสินเชื่อรวมในการปล่อยกู้โครงการดังกล่าวนี้ ธอส.กำหนดไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ในอดีต ธอส.เคยช่วยเหลือผู้กู้ซื้อบ้านราคา 1,500,000 ล้านบาท โดยคิดเป็น 80% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของ ธอส.
“หากผ่านที่ประชุมบอร์ดฯ ในพฤหัสฯ นี้ (18 พ.ค.) แล้ว ธอส.จะเริ่มเปิดตัวภายในเดือนนี้ โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการจะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 60 หรือจนกว่าวงเงินกู้รวมโครงการจะหมด แม้ส่วนต่างดอกเบี้ยของ ธอส.จะลดลงก็ตาม แต่ ธอส. ไม่ได้เน้นการทำกำไร ขอเพียงแค่ไม่ทำให้ธนาคารขาดทุนก็พอ” กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรชัยยังกล่าวถึงการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังโดย ธอส., กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งประเทศไทย (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เพื่อสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอปพลิเคชัน “คนไทยมีบ้าน: Home for All” รวมทั้งเว็ปไซต์ ธอส. และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.60 เป็นต้นไป โดยหวังนำผลสำรวจไปจัดทำฐานข้อมูลในการวางแผนพัฒนาปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ รองรับแผนยุทธศาสตร์พัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของ กคช.
โดยผู้กรอกแบบสอบถามผ่านแอพฯ ดังกล่าวนี้ ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ อาชีพ รายได้ด้ต่อเดือน วงเงินสินเชื่อที่ต้องการ ความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ ช่วงปีใดที่ตนต้องการจะมีบ้าน รวมถึงทำเลที่อยู่อาศัยที่ต้องการ และเมื่อกรอกครบถ้วนแล้วจะได้รับรหัส หรือ QR Code สำหรับติดต่อกับ ธอส. เพื่อขอรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม สิทธิพิเศษเพื่อการมีบ้านในอนาคต ขณะเดียวกัน ธอส.ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี่ไปใช้ในการวางแผนทางการเงิน และพัฒนานวัตกรรมด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด และกรอกแบบสำรวจในแอปฯ คนไทยมีบ้าน : Home for All รวมถึงที่เว็บไซต์ www.ghbank.co.th และ www.reic.or.th ได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.เป็นต้นไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ธอส. โทร. 02-645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
นายฉัตรชัย ศิริวิไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้านของธนาคารตามเสียงเรียกร้องของนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า ธอส. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารหนี้สินและสินทรัพย์ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาถึงแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงประเมินถึงผลกระทบต่อความสามารถ และพอร์ตของธนาคาร
กรรมการผู้จัดการ ธอส. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของ ธอส. ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR ไว้ที่ 6.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR จะอยู่ที่ 6.40% และอัตราดอกเบี้ย MOR กำหนดไว้ที่ 7.25% ทั้งนี้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวนั้นถือว่าต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.4% ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่ง ธอส.ได้เปิดตัวไปแล้วในงานมันนี่ เอ็กซ์โป ที่เพิ่งผ่านมา เนื่องจาก ธอส.มีนโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง และแพกเกจสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 3.4% ถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในตลาดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาของที่ประชุมฯ มีความเห็นว่า ไม่มีผลกระทบแล้ว ธอส. คาดว่าจะทำการลดดอกเบี้ยลงอีกราว 0.75% สำหรับโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.4% ในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในเบื้องต้น ลดลงเหลือ 2% เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเน้นให้ความช่วยเหลือแก่คนกลุ่มนี้ ทั้งนี้ จะมีการกำหนดเงื่อนไขการกู้ยืม เช่น กำหนดเพดานเงินกู้สูงสุดของผู้กู้ รวมถึงรายได้รวมของผู้กู้จะอยู่ที่ 45,000 บาทต่อปี ในกรณีกู้ร่วม หรือมีรายได้สุทธิประมาณ 20,000-25,000 บาทต่อเดือน และไม่จำเป็นต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อบ้านหลังแรก แต่เพียงอย่างเดียว
โดย ธอส.จะเน้นดูแลผู้กู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 2,000,000 บาท ภายใต้วงเงินสินเชื่อรวมในการปล่อยกู้โครงการดังกล่าวนี้ ธอส.กำหนดไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ในอดีต ธอส.เคยช่วยเหลือผู้กู้ซื้อบ้านราคา 1,500,000 ล้านบาท โดยคิดเป็น 80% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของ ธอส.
“หากผ่านที่ประชุมบอร์ดฯ ในพฤหัสฯ นี้ (18 พ.ค.) แล้ว ธอส.จะเริ่มเปิดตัวภายในเดือนนี้ โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการจะสิ้นสุดภายในสิ้นปี 60 หรือจนกว่าวงเงินกู้รวมโครงการจะหมด แม้ส่วนต่างดอกเบี้ยของ ธอส.จะลดลงก็ตาม แต่ ธอส. ไม่ได้เน้นการทำกำไร ขอเพียงแค่ไม่ทำให้ธนาคารขาดทุนก็พอ” กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายฉัตรชัยยังกล่าวถึงการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังโดย ธอส., กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งประเทศไทย (กคช.) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เพื่อสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยผ่านแอปพลิเคชัน “คนไทยมีบ้าน: Home for All” รวมทั้งเว็ปไซต์ ธอส. และเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.60 เป็นต้นไป โดยหวังนำผลสำรวจไปจัดทำฐานข้อมูลในการวางแผนพัฒนาปริมาณที่อยู่อาศัยใหม่ รองรับแผนยุทธศาสตร์พัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ของ กคช.
โดยผู้กรอกแบบสอบถามผ่านแอพฯ ดังกล่าวนี้ ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ อาชีพ รายได้ด้ต่อเดือน วงเงินสินเชื่อที่ต้องการ ความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อ วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ ช่วงปีใดที่ตนต้องการจะมีบ้าน รวมถึงทำเลที่อยู่อาศัยที่ต้องการ และเมื่อกรอกครบถ้วนแล้วจะได้รับรหัส หรือ QR Code สำหรับติดต่อกับ ธอส. เพื่อขอรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสม สิทธิพิเศษเพื่อการมีบ้านในอนาคต ขณะเดียวกัน ธอส.ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี่ไปใช้ในการวางแผนทางการเงิน และพัฒนานวัตกรรมด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด และกรอกแบบสำรวจในแอปฯ คนไทยมีบ้าน : Home for All รวมถึงที่เว็บไซต์ www.ghbank.co.th และ www.reic.or.th ได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.เป็นต้นไป หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) ธอส. โทร. 02-645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์