อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค ไตรมาสแรก รายได้ทุบสถิติสูงสุด กวาดรายได้ 409.75 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.63 ล้านบาท ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศพุ่ง 21% ลุยเพิ่มยอดขายผ่านทุกช่องทางจำหน่าย เผยร้านค้าปลีก 100 เยน Can Do มีแนวโน้มที่ดี เดินเกมรุกธุรกิจพลังงานทดแทนซื้อหุ้น GEP โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 220 MW รอผลอนุมัติจากผู้ถือหุ้น 31 พ.ค.นี้ มั่นใจ Q2 ฟอร์มดีต่อเนื่อง
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2560 ว่า บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 409.74 ล้านบาท เป็นตัวเลขรายได้ไตรมาส new high เมื่อเทียบกับช่วงอดีตที่ผ่านมา โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 383.77 ล้านบาท จำนวน 25.97 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.77% และมีกำไรสุทธิ 18.63 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ทำไว้ประมาณ 24.99 ล้านบาท ผลจากบริษัทย่อยที่ผลการดำเนินงานยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบกับยังไม่สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจด้านพลังงาน ขณะที่รับรู้ค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างกำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้น 244.34%
ทั้งนี้ รายได้รวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่มียอดขายเติบโตสูงขึ้นจากในประเทศที่เติบโตประมาณ 21% ขณะที่รายได้ส่งออกยังสามารถรักษาระดับรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ 59% ภายในประเทศ 41% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดต่างประเทศครึ่งปีหลังจะมีสัญญาณการเติบโตที่ดี จากกลุ่มลูกค้าหลักในญี่ปุ่น ที่จะมีปริมาณการสั่งซื้อมากขึ้น และมีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม
ขณะที่ตลาดในประเทศ ECF เน้นการทำตลาดของทุกแบรนด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย รวมถึงจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าผ่านทุกช่องทางการจัดจำหน่าย อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาแบรนด์ ELEGA โดยปัจจุบันมี 17 สาขา พร้อมกับการขยายสาขาแบรนด์ FINNA HOUSE เพื่อจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมี 5 สาขา รวมถึงโอกาสเพิ่มยอดขายตามการขยายสาขาของกลุ่มโมเดิร์นเทรด
ส่วนธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน (60 บาท) “Can Do” ปัจจุบันมีสาขารวม 7 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์, เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก, โฮมโปร รัตนาธิเบศร์, โฮมโปร ราชพฤกษ์ อินเด็กซ์ ลีฟวิ่ง มอลล์ บางใหญ่ และลิตเติ้ล วอล์ค บางนา ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3 สาขา ซึ่งการขยายสาขาจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเพิ่มยอดขายให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ล่าสุด บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-Power) บริษัทย่อยของบริษัท ได้รับมติจากคณะกรรมการบริษัท เพื่อเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ ของบริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP) ณ เมืองมินบู รัฐมาเกวย ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญของ GEP ในสัดส่วนร้อยละ 20
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างรอมติอนุมัติการเข้าลงทุนดังกล่าวจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 พ.ค. 60 “แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงต่อจากนี้จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจผลิต และจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ ร้านค้าปลีก Can Do ธุรกิจพลังงานทดแทน คาดว่าว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน” นายอารักษ์ กล่าว