บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี เผยธุรกิจคอนกรีต และวัสดุก่อสร้าง ไตรมาส 2 แนวโน้มทรงตัว จากโปรเจกต์งานภาครัฐ ขณะที่ผลงานไตรมาส 1/60 รายได้รวม 589.57 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1.39 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีโตตามเป้ารายได้ทะลุ 2,550 ล้านบาท
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงกลางปี 60 ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมคอนกรีตมีแนวโน้มทรงตัว และยังมีความต้องการใช้งานทรงตัวต่อเนื่องจากงานก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ภาครัฐที่ทยอยออกมา ประกอบกับในเขตภาคตะวันออกเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีของการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม และคาดว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนทยอยมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4
สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในช่วงต่อจากนี้ คาดว่ายังคงจะมีแนวโน้มทรงตัวต่อไปในไตรมาส 2-3/2560 ขณะที่ความต้องการใช้งานคอนกรีตยังคงมีต่อเนื่อง และคาดว่าน่าจะเห็นสัญญาฟื้นตัวดีในไตรมาส 4/60 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากงานโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะงานก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และงานเอกชนบางส่วน
นอกจากการเข้ารับงานขนาดใหญ่ดังกล่าว บริษัทยังเน้นการขยายฐานลูกค้า กลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย โครงการขนาดกลาง-เล็ก ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการใช้งานคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่องานก่อสร้าง Landscape เพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปกลุ่มบล็อกกำแพง บล็อกกันหน้าดิน บล็อกปูพื้น อิฐมวลเบา ที่ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีรายได้รวมจำนวน 589.57 ล้านบาท ปรับตัวลดลง จำนวน 27.93 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 617.50 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 1.39 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.73 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้รวมของกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลง เนื่องจากปริมาณการขายปรับตัวลดลงประกอบกับมีการแข่งขันด้านราคาขายสูง และช่วงที่ผ่านมา งานภาครัฐเป็นช่วงเริ่มต้นโครงการปริมาณการใช้งานจึงยังไม่มากนัก อีกทั้งงานในส่วนภาคเอกชนยังชะลอตัวทำให้กลุ่มสินค้าของกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัวตามตลาด จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้และกำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลงเล็กน้อย
“บริษัทมั่นใจในปีนี้จะสามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ประมาณ 2,550 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้คอนกรีตจากงานก่อสร้างภาครัฐ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทปีนี้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20% ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ กว่า 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 1.5 ปี ทั้งนี้ บริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทตามแผนงานที่วางไว้”