xs
xsm
sm
md
lg

“ทีดับบลิวแซด” ลุ้น มิ.ย.นี้ ได้โซลาร์ฟาร์มครบ 30 เมกะวัตต์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ทีดับบลิวแซด” ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่เป็น 4 สายธุรกิจ ผู้บริหารมั่นใจได้โครงการโซลาร์ฟาร์มตามเป้า 30 เมกะวัตต์ หวังสร้างรายได้และกำไรต่อเนื่อง 25 ปี ด้านโครงการอสังหาฯ เดอะเพเซอร์ พัทยา จะรับรู้ได้ประมาณ 200 ล้านบาทในปีนี้ ส่วนธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และร้านขายของชำแนวใหม่ ยังมีโอกาสเติบโตสูง

นางปิยะนุช รังคสิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเริ่มจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 5 เมกะวัตต์ ผ่านบริษัท มาสเทค ทูล แอนด์ เซอร์วิส จำกัด หรือมาสเทค (MASTECH) และได้ขายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่ปลายปี 2559 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีประสบการณ์ และความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจด้านนี้ โดยได้เข้าทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับหลายบริษัทที่ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติให้เข้าจับสลากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ซึ่งกำหนดวันจับสลากคัดเลือกในวันที่ 26 มิถุนายน และจะประกาศผลวันที่ 28 มิถุนายนนี้

สำหรับการจับสลากรอบนี้เป็นโครงการในส่วนของหน่วยงานราชการไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ และส่วนของสหกรณ์ภาคการเกษตรอีก 119 เมกะวัตต์ ซึ่งจากการพิจารณารายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ พื้นที่ตั้งโครงการ และจุดเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับการไฟฟ้าแล้ว บริษัทมั่นใจในโอกาสที่พันธมิตรจะได้โครงการรอบสองนี้ไม่น้อยกว่า 5 โครงการ โครงการละ 5 เมกะวัตต์ รวมเป็น 25 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับที่เรามีอยู่แล้ว 5 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้เรามีโครงการโซลาร์ฟาร์ม รวม 30 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้

นางปิยะนุช กล่าวว่า การรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์จากการขายไฟฟ้า จำนวน 5 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ประมาณปีละ 40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเฉลี่ยเกือบ 20 ล้านบาทต่อปี หากได้ 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นรายได้ประมาณ 240 ล้านบาทต่อปี เป็นกำไรสุทธิเกือบ 120 ล้านบาทต่อปี เป็นระยะเวลานานถึง 25 ปี ซึ่งจะเป็นรายได้และกำไรที่สร้างความมั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายระยะ 3 ปีนี้ว่า จะพยายามทำโครงการไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้ได้ 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มีกำไรเฉลี่ย 350-400 ล้านบาทต่อปี

สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ TWZ ซึ่งได้ลงทุนโครงการเดอะเพเซอร์ พัทยา มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดจองแล้วประมาณ 40% หรือประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะมีการโอนและรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 โดยมีอัตรากำไรประมาณ 20%

ด้านธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของ TWZ นั้น บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และมั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ผู้ให้บริการเครือข่ายต่างๆ จะไม่ได้นำสมาร์ทโฟนของตนเองมาใช้สนับสนุนการขายมากมายเหมือนในช่วงที่ผ่านๆ มา ดังนั้น โอกาสการขายของ TWZ จึงมีมากขึ้น ทั้งการขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ขายผ่านตัวแทนจำหน่าย และขายจำนวนมากๆ ให้กับโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ รวมไปถึงการเป็นผู้วางระบบ และบริหารจัดการโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก ซึ่งจะทำให้รายได้และกำไรในสายธุรกิจนี้เติบโตมากขึ้น

นางปิยะนุช กล่าวด้วยว่า อีกสายธุรกิจหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบในการลงทุนก็คือ ธุรกิจร้านขายของชำแนวใหม่ ที่จะสามารถสร้างรายได้ทั้งจากการขายสินค้า และบริการเติมเงินชำระเงินต่างๆ ซึ่งมีโอกาสการเติบโตที่สูงมาก

“การจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่เป็น 4 สายธุรกิจดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ TWZ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งได้เป็นอย่างดี” นางปิยะนุช กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น