บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ ไตรมาสแรกปี 60 ขาดทุนหนักกว่า 230 ล้านบาท จากปีก่อนกำไรสุทธิกว่า 576 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิหายไปกว่า 804 ล้านบาท คิดเป็น 140% เป็นผลจากรายได้รับจากผลิตและขายลดลงกว่า 88% บวกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 147 ล้านบาท
นายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) STPI แจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 230.78 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.14 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 576.81 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.36 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 807.59 ล้านบาท คิดเป็น 140.01%
โดยบริษัทได้ชี้แจงสาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงกว่า 807.59 ล้านบาท เกิดจาก 3 ประเด็นหลัก คือ รายได้จากการรับจ้างผลิต การขายและบริการ เท่ากับ 429.42 ล้านบาท ลดลง 88.77% เมื่อเทียบกับ 3,822.32 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2559 เนื่องจากงานโครงการหลักได้ส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งหมดแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ทำให้ปริมาณงานที่ดำเนินการและการรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2559
ประเด็นที่ 2 ไตรมาสที่ 1/60 บริษัทขาดทุนขั้นต้นจากการรับจ้างผลิต การขาย และบริการ รวมเท่ากับ 81.17 ล้านบาท ลดลง 109.72% เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้นฯ 834.96 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการผลิตคงที่ส่วนหนึ่งไม่แปรผันตามปริมาณงานที่ลดลง ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2560 มีอัตราขาดทุนขั้นต้นฯ 18.90% ในขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2559 มีอัตรากำไรขั้นต้นฯ 21.84%
ประเด็นที่ 3 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 147.45 ล้านบาท สำเหตุหลักมาจากบริษัทฯ ต้องปรับปรุงมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด (Mark to Market) ตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน ซึ่ง ณ วันสิ้นงวดปัจจุบัน สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับ ณ วันสิ้นปี 2559 ทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว (ไตรมาส 1 ปี 2559 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 184.15 ล้านบาท)
นายมาศถวิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) STPI แจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ 230.78 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.14 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 576.81 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.36 บาท หรือขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 807.59 ล้านบาท คิดเป็น 140.01%
โดยบริษัทได้ชี้แจงสาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงกว่า 807.59 ล้านบาท เกิดจาก 3 ประเด็นหลัก คือ รายได้จากการรับจ้างผลิต การขายและบริการ เท่ากับ 429.42 ล้านบาท ลดลง 88.77% เมื่อเทียบกับ 3,822.32 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2559 เนื่องจากงานโครงการหลักได้ส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งหมดแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ทำให้ปริมาณงานที่ดำเนินการและการรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ลดลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2559
ประเด็นที่ 2 ไตรมาสที่ 1/60 บริษัทขาดทุนขั้นต้นจากการรับจ้างผลิต การขาย และบริการ รวมเท่ากับ 81.17 ล้านบาท ลดลง 109.72% เมื่อเทียบกับกำไรขั้นต้นฯ 834.96 ล้านบาท สำหรับระยะเวลาเดียวกันในปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการผลิตคงที่ส่วนหนึ่งไม่แปรผันตามปริมาณงานที่ลดลง ส่งผลให้ไตรมาส 1 ปี 2560 มีอัตราขาดทุนขั้นต้นฯ 18.90% ในขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2559 มีอัตรากำไรขั้นต้นฯ 21.84%
ประเด็นที่ 3 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 147.45 ล้านบาท สำเหตุหลักมาจากบริษัทฯ ต้องปรับปรุงมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด (Mark to Market) ตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน ซึ่ง ณ วันสิ้นงวดปัจจุบัน สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับ ณ วันสิ้นปี 2559 ทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว (ไตรมาส 1 ปี 2559 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 184.15 ล้านบาท)