xs
xsm
sm
md
lg

“พฤกษา” โกยยอดขายไตรมาสแรกกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางสาวสุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์
พฤกษาฯ ระบุไตรมาส 1 กวาดยอดขายกว่า 1.3 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 35.6% โดยได้แรงจากกลุ่มอาคารชุดยอดขายเพิ่มขึ้น 208.6% ขณะที่รายได้กลับสวนทางกลับยอดขายปรับลดลง 2,212 ล้านบาท หรือลดลงกว่า 21% พร้อมโชว์การรักษาอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ระดับ 34-35% เผยโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 171 โครงการมูลค่า 1.8 แสนล้าน ทาวน์เฮาส์นำโด่ง มูลค่าโครงการที่รองรับการขายกว่า 8.1 หมื่นล้านบาท

นางสาวสุภรณ์ ตรีวิชยพงศ์ EVP, Accounting & Estimate และรักษาการในตำแหน่ง Chief Financial Officer บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ “PSH” กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2560 ว่า บริษัทมียอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 13,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,494 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 โดยมีการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการเท่ากับ (Project value) 12,175 ล้านบาท เมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดใหม่ในไตรมาส 1/2559 จำนวน 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม (Project Value) เท่ากับ 7,410 ล้านบาท

โดยในปีนี้ยังคงเน้นที่การเปิดโครงการของกลุ่มทาวน์เฮาส์ จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 6,368 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 1,426 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 4,380 ล้านบาท

บริษัทมียอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาคารชุดเพิ่มขึ้น 4,017 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.6 เนื่องจากบริษัทมีการเปิดตัวโครงการอาคารชุดในช่วงไตรมาส 1/2560 ได้แก่ โครงการอาคารชุดเดอะทรี สุขุมวิท 71 เอกมัย และโครงการเดอะ รีเซิร์ฟ ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ของกลุ่มสายงานพรีเมียม และได้รับผลตอบรับดีเยี่ยมมียอดจองเต็มภายในระยะเวลาไม่นาน จึงส่งผลให้ยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาคารชุดเพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ทาว์นเฮาส์ บ้านเดี่ยว และต่างประเทศ มียอดขายลดลง จำนวน 181 ล้านบาท 303 ล้านบาท และ 39 ล้านบาทตามลำดับ

สำหรับไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้ทั้งหมดมาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับ 8,072 ล้านบาท (และรายได้อื่น 18 ล้านบาท รวมรายได้เท่ากับ 8,090 ล้านบาท) ลดลง 2,212 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 21.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 แบ่งเป็นรายได้จากบ้านทาวน์เฮาส์ เท่ากับ 4,780 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจ ลำดับถัดมาเป็นรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยว เท่ากับ 2,067 ล้านบาท ลดลง 207 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9.1 จากไตรมาส 1/2559 สำหรับรายได้จากอาคารชุด เท่ากับ 1,218 ล้านบาท ลดลง 2,028 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 62.5 จากไตรมาส 1/2559

ต้นทุนขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 5,306 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65.7 ของรายได้จากการขายอสังหาฯ ขณะที่ต้นทุนขายอสังหาฯ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 6,905 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67.1 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นผลมาจากการบริหาร และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น

อัตรากำไรขั้นต้น พบว่ากลุ่มทาวน์เฮาส์ อยู่ที่ร้อยละ 35.3 บ้านเดี่ยวร้อยละ 34.4 และอาคารชุดร้อยละ 31.2 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นก็มีการปรับตัวดีขึ้นสำหรับทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว สำหรับอาคารชุด อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับไตรมาส 1/2560 เท่ากับ 1,851 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.9 โดยเพิ่มจากไตรมาส 1/2559 ประมาณ 150 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการขายเท่ากับ 902 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.1 ของรายได้รวมและค่าใช้จ่ายในการบริหาร เท่ากับ 949 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.7 ของรายได้รวม

บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2559 จำนวน 210 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 สาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพิ่มขึ้น 90 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย เพิ่มขึ้น 142 ล้านบาท ขณะที่ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ มียอดลดลงเท่ากับ 22 ล้านบาท สอดคล้องกับการรับรู้รายได้ที่ต่ำกว่าไตรมาส 1/59 ค่าใช้จ่ายในการบริหารมียอดรวมเท่ากับ 949 ล้านบาท ลดลง 61 ล้านบาท สาเหตุมาจากค่าจ้างที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญลดลง 38 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1 ของปีก่อนบริษัทมีค่าจ้างที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญเข้ามาศึกษาเรื่องการปรับโครงสร้างกิจการ และการวางแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการศึกษาดังกล่าวได้สิ้นสุดลงในปลายปี 2559 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ลดลง 31 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาสาธารณูปโภคส่วนกลาง และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่น เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท

ไตรมาส 1/2560 บริษัทมีต้นทุนทางการเงินประมาณ 52 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.6 ของรายได้รวม ลดลงจำนวน 46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 เท่ากับ 0.58 และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยหักเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดต่อทุน เท่ากับ 0.55 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ดีจากการบริหารจัดการหนี้สินของบริษัทฯ และบริษัทย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีกำไรเท่ากับ 696 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.6 ของรายได้รวมและกำไรสำหรับไตรมาส 1/59 เท่ากับ 1,266 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.3 ของรายได้รวม โดยบริษัทมีกำไรลดลงเท่ากับ 570 ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ 45.0 จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 60 กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีโครงการที่เริ่มเปิดขาย และยังดำเนินงานอยู่ (Active Project) จำนวน 171 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ (Total project value) 180,128 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ ทาวน์เฮาส์ จำนวน 105 โครงการ มูลค่ารวม 81,107 ล้านบาท บ้านเดี่ยว จำนวน 42 โครงการ มูลค่ารวม 45,837 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 24 โครงการ มูลค่ารวม 53,184 ล้านบาท

บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย คือ หุ้นกู้จำนวน 21,000 ล้านบาท ซึ่งออกหุ้นกู้โดย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) แบ่งเป็นส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี จำนวน 6,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ระยะยาว จำนวน 15,000 ล้านบาท โดยมีการชำระคืนหุ้นกู้ จำนวน 2,000 ล้านบาท และออกหุ้นกู้ จำนวน 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชุดที่ 1 จำนวน 2,400 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี 10 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.63 ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน และชุดที่ 2 จำนวน 2,600 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.85 ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ทั้งนี้ เพื่อใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ.