ผู้จัดการรายวัน 360 องศา - หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ ตั้งเป้ารายได้ปี 2560 เติบโต 100% เทียบปีก่อนหน้า เหตุหลังจากที่บริษัทฯควบรวมกิจการทำให้มีหน่วยธุรกิจเพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท เล็งซื้อที่ดินขยายคลังสินค้ารองรับงานในอนาคต
นายวิรัฐ สุขชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท หาญ เอ็นจิเนียริ่ง โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ HARN กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้มีการควบรวมกิจการเมื่อปลายปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า จะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 100% เทียบเท่ากับรายได้ที่ทำได้ในปีก่อนหน้า เนื่องจากภายหลังจากที่ได้ควบรวมกิจการ บริษัทเดิมมีผลประกอบการในระดับที่ดีอยู่แล้ว ทั้งในส่วนรายได้และกำไร อีกทั้งทำให้บริษัทมีโครงสร้างธุรกิจหลายเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบัน บริษัทมีหน่วยธุรกิจใหม่เพิ่มเป็น 4 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ 1.อุปกรณ์ระบบดับเพลิง ตลอดจนถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งเพื่อป้องกันอัคคีภัย 2.อุปกรณ์ระบบปรับอากาศ 3.อุปกรณ์ระบบเครื่องทำความเย็น ซึ่งให้บริการลูกค้าคอนวิเนียนสโตร์ร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเซเว่น-อีเลฟเว่น หรือท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือในอุตสาหกรรมประมงที่มีความต้องการใช้เครื่องทำความเย็น 4.ธุรกิจเครื่องพิมพ์ดิจิตอล ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก เช่น เครือปูนซิเมนต์ไทย บริษัทไทยน้ำทิพย์ อีกทั้งยังมีเครื่องพิมพ์ดิจิตอล 3D ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหม่ที่เปิดให้บริการ และกำลังได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ และสุขภาพตลอดจนถึงงานด้านการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรม
“ในโครงสร้าง 4 หน่วยธุรกิจ กลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอล ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีมาร์จินดีที่สุด แต่มีข้อเสียเปรียบในเรื่องของการต้องใช้แรงงานบุคคลในการให้บริการเป็นจำนวนมาก รองลงมา ได้แก่ ธุรกิจเครื่องทำความเย็น ระบบดับเพลิง และระบบปรับอากาศตามลำดับ ซึ่งมีสัดส่วนโครงสร้างของรายได้ใกล้เคียงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่จะควบรวมกิจการกัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้ของธุรกิจระบบดับเพลิงไม่น้อยกว่า 90% แต่ปัจจุบันหลังจากที่ควบรวมกิจการแล้วคาดว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจระบบดับเพลิงจะอยู่ที่ประมาณ 14% ขณะที่ธุรกิจระบบปรับอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 7% ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้ของธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอล และธุรกิจเครื่องทำความเย็นของสัดส่วนรายได้ธุรกิจทั้งหมด”
ขณะที่ในส่วนของแผนของการลงทุนในปีนี้นั้นบริษัทญเตรียมงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 200 ล้านบาทในการซื้อที่ดินและก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อใช้ทดแทนในการเช่าคลังเก็บสินค้าเดิม ซึ่งจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในการเลือกทำเลที่ตั้งและการก่อสร้างได้ภายในปี 2561
นอกเหนือจากนี้ บริษัทยังได้ศึกษาแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้าง 4 ธุรกิจหลักที่บริษัทได้ทำดำเนินธุรกิจอยู่ เช่น ถังน้ำดับเพลิงหรือที่เกี่ยวกับวิศวกรรมไฟฟ้า โดยเน้นนวัตกรรมในกลุ่มบ้านสมาร์ทโฮม หรือระบบตรวจจับแก๊สรั่ว และระบบกล้องวงจรปิดเพื่อป้องกันอัคคีภัย และการโจรกรรม และธุรกิจเครื่องทำความเย็นในรถยนต์ที่ใช้ในเชิงอุตสาหกรรมเพื่อการขนส่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมในการเข้าไปลงทุน
ส่วนของแผนการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศขณะนี้ บริษัทได้ขยายการลงทุนไปในประเทศกัมพูชา โดยว่าจ้างชาวกัมพูชาเป็นพนักงานประจำในการขายสินค้า ขณะที่ในประเทศพม่า ได้มีการขายสินค้ากลุ่มระบบดับเพลิง และระบบการพิมพ์ดิจิตอลผ่านตัวแทน ในส่วนของประเทศลาวนั้น มีการเจรจาข้ามไปขายสินค้าอยู่บ้าง แต่ยังไม่มากนัก ซึ่งบริษัทเน้นขายในประเทศกัมพูชา และพม่า ที่เป็นเป้าหมายหลักในตอนนี้มากกว่า เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโต และมีแนวโน้มที่จะขยายธุรกิจได้อีกมาก
“ขณะนี้บริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในไตรมาสถัดๆไปหลังจากประกาศผลประกอบการแล้วรายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้น และงานในมือก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”
ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมป้องกันอัคคีภัยมองว่า มีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสาเหตุเนื่องจากประเทศไทย มีการก่อสร้างอาคารสูงเพิ่มจำนวนมากขึ้น มีการขยายกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคาร และโรงงานที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้อาคารสูงต่างๆ ที่ก่อสร้างใหม่ และโรงงานอุตสากรรมต่างๆ จะต้องมีการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย ครอบคลุมทุกพื้นที่ของอาคาร ตลอดจนถึงกลุ่มสินค้าใกล้เคียง เช่น ระบบท่อลำเลียงน้ำและปั๊มน้ำ, วาล์ว, ฉนวนกันไฟ ก็จะมีความต้องการในการใช้เพิ่มจำนวนมากขึ้นสอดคล้องกับโครงสร้างการลงทุนของภาครัฐด้วย เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางต่างๆ รถไฟทางคู่ การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2