เมืองไทยลิสซิ่ง โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปีนี้ กำไรสุทธิ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 91.50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ผู้บริหารพร้อมปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้าน เตรียมเปิดใหม่ 600 สาขา ดันสาขาเพิ่มเป็น 2,200 แห่งทั่วไทย ณ สิ้นไตรมาส 1 เปิดไปแล้ว 210 สาขา ตอบสนองความต้องการคนในระดับรากหญ้าที่ยังมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ มั่นใจรายได้-กำไรติดปีก ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (MTLS) ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซด์ และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 มีรายได้รวม 1,563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 697 ล้านบาท หรือ 80.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 866 ล้านบาท โดยมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 11,850 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 256 ล้านบาท หรือ 91.50% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 280 ล้านบาท
โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายสาขาไปตามต่างจังหวัดมากขึ้น ตามยุทธศาสตร์ขยายตัวทั่วไทย และที่สำคัญขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของบริษัทฯเป็นไปอย่างรวดเร็ว และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดในระบบ ทำให้เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าจนพูดกันปากต่อปาก ทำให้จำนวนผู้ขอรับสินเชื่อของเราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 1 ล้านราย
ขณะที่ในส่วนของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งขณะนี้ MTLS เป็นผู้นำตลาด ล่าสุด มียอดปล่อยสินเชื่อกว่า 360 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้าที่ขอกู้จำนวนมากกว่า 10,000 ราย
“แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 5 หมื่นล้านบาท เติบโต 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง มาจากช่องทางการขยายสาขา โดยในปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา เป็น 2,200 สาขา จากสิ้นธันวาคม 2559 มีสาขา 1,600 สาขา จนถึงสิ้นไตรมาส 1 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,874 สาขา โดยเน้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เนื่องจากมองว่าตลาดยังสามารถเติบได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง และบริษัทฯ ตั้งเป้าคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ไว้ที่ระดับ 1.50%” นายชูชาติ กล่าว
โดยหลังจากที่บริษัทฯ เข้าจะทดเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มีความคล่องตัวมากขึ้น และต้นทุนการเงินต่ำลง โดยล่าสุด ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติออกหุ้นกู้ และเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจ และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยให้มีอายุของหุ้นกู้ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขต่างๆ จะพิจารณาจากสภาวะตลาด และความจำเป็นในการใช้เงิน