“อภิศักดิ์” จี้ธนาคารพาณิชย์ทบทวนโขกดอกเบี้ยเอสเอ็มอี ดันส่วนต่างดอกเบี้ยกับรายใหญ่กว้าง 5-6% แจงไม่ได้บังคับ เพียงขอความร่วมมือ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์ทบทวนการคิดดอกเบี้ยกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 7-8% ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่กลับมีอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำกว่ามาอยู่ที่ 1% กว่าเท่านั้น ทำให้มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ารายใหญ่ถึง 5-6% ซึ่งถือว่าสูงเกินไป ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ไม่ได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการคิดส่วนต่างดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังไม่สามารถไปบังคับได้ แต่ก็เป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ธนาคารพาณิชย์สามารถคิดได้ว่าการคิดดอกเบี้ยสูงเป็นธรรมหรือไม่
“รัฐบาล หรือ รมว.การคลัง บังคับธนาคารพาณิชย์ให้คิดดอกเบี้ยกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่ำกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องของตลาด และธนาคารพาณิชย์สามารถคิดได้เอง ซึ่งตอนนี้ประเทศมีธนาคารพาณิชย์อยู่หลายธนาคาร แต่ไม่มีธนาคารไหนเป็นผู้นำในการเริ่มคิดดอกเบี้ยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ไม่แตกต่างกันมากกับการปล่อยกู้รายใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ ยืนยันว่าเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้บังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ เราอยากจะลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ ก็อยากให้ธนาคารพาณิชย์เอาไปคิด เมื่อเราพูดขนาดนี้แล้ว ธนาคารพาณิชย์ก็ควรไปคิดได้” นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตามที่ รมว.คลัง ต้องการให้สถาบันการเงินแก้ไขปัญหาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่มีความแตกต่างระหว่างรายเล็กและรายใหญ่ว่า เป็นปัญหาสะสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาแนวทางในการแก้ไขต่อไป เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในภาคการเงิน
สำหรับนโยบายของ ธปท.ในการแก้ไขปัญความเหลื่อมล้ำนั้น จะประกอบด้วย การให้ภาคสถาบันการเงินยกระดับความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพ และผลิตภาพ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ขณะเดียวกัน ภาคการเงินจะต้องมีความมั่นคง บริหารความเสี่ยงที่ดีโดยไม่รับความเสี่ยงมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริม และสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญของภาคการเงินที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ธปท. และสถาบันการเงิน จะร่วมกันแถลงมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนอย่างครบวงจรในทุกมิติด้วย