สมาร์ทคอนกรีต ชูกลยุทธ์ปั๊มยอดขาย ดันมาร์จิ้น ออกผลิตภัณฑ์ใหม่นวัตกรรม “ผนังคอนกรีต มวลเบาสำเร็จรูป” และ “บล็อกตกแต่ง” รองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร เผยตลาด AEC กัมพูชา-ลาว ออเดอร์ดีต่อเนื่อง ส่วนผลประกอบการ Q1 ปี 2560 รายได้รวม 80.00 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 13.40 ล้านบาท
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิต และจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง เพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขาย และเพิ่มอัตราส่วนกำไรขั้นต้น โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ผนังคอนกรีตมวลเบาสำเร็จรูป และบล็อกมวลเบาสำหรับการตกแต่ง อาทิ บล็อกมิติ บล็อกช่องลม แบมบูบล็อก
ทั้งนี้ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะช่วยตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าให้เกิดความสะดวก รวดเร็วในงานก่อสร้าง สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลาย และสวยงาม สอดรับกับเทรนด์การตกแต่งในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น อาทิ กลุ่มบริษัทออกแบบ สถาปนิก ผู้รับเหมาก่อสร้าง เจ้าของบ้าน ฯลฯ จากเดิมที่มุ่งเน้นงานผนังแบบทั่วไป และลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ และโครงการภาครัฐ
“บริษัทได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกทดลองตลาด แนะนำกับกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มแล้ว โดยได้จัดกิจกรรมการตลาดออกบูทแนะนำสินค้าในงานสถาปนิก 60 ที่ผ่านมา ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี และได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก โดยในปีนี้บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างแบรนด์ และแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง” นายรังสี กล่าว
สำหรับการขยายตลาดในกลุ่มประเทศ AEC ปัจจุบัน บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากดีลเลอร์รายใหม่ในประเทศลาว มีการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่ ขณะที่ประเทศกัมพูชา บริษัทได้เข้าไปจำหน่ายผลิตภัณฑ์แล้ว โดยมีออเดอร์คำสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศปี 2560 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ประมาณ 3-4 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ส่วนผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 80.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 77.125 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.73% และมีผลขาดทุนสุทธิ 13.40 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 4.588 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้น 52.04% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีขาดทุนสุทธิ 8.816 ล้านบาท ซึ่งมีผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งการปรับตัวของราคาวัตถุดิบ ทำให้กำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิของบริษัทลดลง ถึงแม้บริษัทจะบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่รายได้รวมของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้น