อิออน จับมือบิ๊กซี เปิดบัตรเครดิต-บัตรสินเชื่อ มอบสิทธิพิเศษทั้งส่วนลด 3% เมื่อซื้อสินค้า และผ่อน 0% นาน 3 เดือน ตั้งเป้าปีนี้มียอดบัตร 2.5 แสนใบ เป็นผู้ถือบัตรใหม่ 1 แสนใบ ขณะที่เป้าหมายรวมบัตรใหม่อยู่ที่ 7 แสนใบ พร้อมเร่งดูแลเอ็นพีแอลกดทั้งปีไม่สูงกว่า 3% ยันไม่ทิ้งลูกค้ากลุ่มรายได้ต่ำ รายได้ขั้นต่ำยังอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน
นายนันทวัฒน์ โชติวิจิตร กรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) กล่าวว่า บริษัทมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมถึงการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการบริโภคด้วย โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายออกบัตรใหม่อีก 700,000 บัตร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรต่อใบต่อเดือนเพิ่มขึ้น 20% จากยอดเฉลี่ยปัจจุบันที่ 5,000 บาทต่อบัตรต่อเดือน ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมอยู่ที่ 98,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเติบโตเป็นเลขสองหลัก
ล่าสุด อิออนได้ร่วมกับบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวบัตรเครดิตบิ๊กซี แพลทินัม เพย์เวฟ และบัตรสินเชื่อบิ๊กซี เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งถือเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัท เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า อาทิ บัตรเครดิตบิ๊กซีฯ ที่ผู้ถือจะได้รับส่วนลด 3% ทันที โดยรับส่วนลดสูงสุดถึง 1,500 บาทต่อเดือน หรือ 18,000 บาทต่อปี เมื่อชำระค่าสินค้าที่ร่วมรายการ ส่วนบัตรสินเชื่อบิ๊กซีฯ จัดโปรแกรมแบ่งชำระสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน เมื่อซื้อสินค้ามูลค่า 5,000 บาทขึ้นไป หรือรับดอกเบี้ยพิเศษ 0.59% ต่อเดือน นาน 18 เดือน เมื่อแบ่งชำระเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป และมือถือตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ณ บิ๊กซี ทุกสาขา
ทั้งนี้ อิออนตั้งเป้าหมายมีผู้ถือบัตรบิ๊กซี รวมในปีนี้ 250,000 ใบ เป็นผู้ถือบัตรใหม่ 100,000 ใบ จากฐานบัตรเครดิตรวมของบริษัทที่ 2.4 ล้านใบ และฐานบัตรสมาชิกที่ 5.4 ล้านใบ
ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปัจจุบันอยู่ที่ 2.7% มีเป้าหมายรักษาระดับในปีนี้ไม่เกิน 3% หลังจากที่ในช่วงปลายปีก่อนได้ขายออกไป 346 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้มีการบริหารจัดการอย่างดีทั้งทางด้านการติดตาม และการพิจารณาอนุมัติที่จะมีระบบสกอริ่งของแต่ละกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว
“เรื่องของหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการอนุมัติบัตรนั้น เราไม่ได้เข้มงวดขึ้น เพราะเราสกอริ่งที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ปีก่อนได้มีการปรับรายได้ขั้นต่ำเป็น 8,000 บาทต่อเดือน จากเดิม 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าเดียวที่ยังคงพิจารณาให้กับลูกค้าที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 ต่อเดือน และแน่นอนเราก็ยังจะรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมไว้ เพราะเป็นกลุ่มที่เข้าถึงเงินทุนได้ยาก และเป็นการช่วยให้เขาไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง”