ประธานบอร์ด “เอเชีย เอวิเอชั่น” เผยแนวโน้มธุรกิจในที่ประชุมผู้ถือหุ้นคาดครึ่งปีหลังแบกรับภาระค่าน้ำมันหลังมีการปรับราคาพลังงานเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณนักท่องเที่ยวจีนจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ จะค่อยๆ ทยอยปรับฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า 5-6 เดือน ถึงจะกลับสู่ภาวะปกติ โบ้ย! เครื่องบินล่าช้าเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้เกิดจากความขัดข้องทางเทคนิค แต่มาจากปัญหาการจราจรทางอากาศที่หนาแน่นเป็นจำนวนมาก
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV กล่าวชี้แจงในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัท และแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2560 อยู่ที่ 9,150 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของกำไรจากผลประกอบการนั้น อยู่ที่ 1,034 ล้านบาท(ฉบับก่อนสอบทานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์) ขณะที่ในส่วนของกรณีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทได้มีการทำสัญญาซื้อล่วงหน้าไว้ในปริมาณที่ต้องการใช้ โดยประเมินว่าปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 74 เท่ากับราคาซื้อเฉลี่ยรวมทั้งหมดอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ ถือว่าเป็นการซื้อที่ได้ราคาดี ทั้งนี้ ราคาจริงของปัจจุบันแพงกว่าปีที่แล้วค่อนข้างมาก เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วจากราคาที่ประมาณ 50 เหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้น มองว่าปีนี้ต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่ในส่วนของแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากข้อมูลที่ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขออกมา ปรากฏว่านักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกของปี 2560 ปรับตัวลดลงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 7 ฉะนั้น แม้ว่าการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ จะมีทิศทางที่ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็ยังกลับมาไม่เหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งประเมินว่าอาจใช้เวลาประมาณอย่างน้อย 5-6 เดือน จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาประเทศไทยถึงจะกลับมาใกล้เคียงสัดส่วนเดิม
ขณะที่ในส่วนของภาษีสรรพสามิตเริ่มเก็บตั้งแต่เดือนมกราคม และเก็บเฉพาะเที่ยวบินในประเทศเท่านั้น ซึ่งทางสายการบินได้มีการคำนวณออกมาแล้วว่า มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 150 บาทต่อคนต่อเที่ยวบิน โดยเงินที่เก็บเพิ่มนี้บริษัทก็นำส่งภาครัฐอย่างเดียว บริษัทเป็นแค่ผู้นำส่งจากการเก็บเพิ่มนี้ โดยไม่ได้มีผลต่อการเดินทางที่ทำให้ลดลง หรือเที่ยวบินในประเทศก็ไม่ได้ลดลง
นอกจากนี้ ในส่วนของประสิทธิภาพการไม่ตรงต่อเวลาของการบิน (Delay Flight) ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นเพราะจำนวนเครื่องบิน และจำนวนเที่ยวบินในสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้น และมีความแออัดมากขึ้น จากเดิมที่ในสมัยก่อนประมาณ 7-8 โมงเช้า สายการบินสามารถ take off อย่างน้อยลำที่ 2-3 แต่ทุกวันนี้ต่อกัน 7-8 ลำ ทำให้ความตรงต่อเวลาของสายการบินลดลง ซึ่งไม่ได้เกิดจากความขัดข้องทางเทคนิค เช่น เครื่องยนต์ขัดข้อง แต่มาจากการจราจรทางอากาศที่มีความหนาแน่นเป็นจำนวนมาก
“ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของรายได้ของ บจ.ไทยแอร์เอเชีย ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดีย ตอนนี้มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 เท่านั้นเอง ซึ่งบริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการเติบโต หากถามว่า ทำไมที่ผ่านมา บริษัทฯ ถึงไม่เจาะตลาดอินเดีย เพราะว่าสิทธิการบินในประเทศจีนเป็นประเทศเสรีในการบินเข้าออก แต่ทางอินเดียยังไม่มีการเซ็นเปิดเสรีทางน่านฟ้ากับประเทศไทย ยังเป็นการแลกจำนวนที่นั่งกัน ซึ่งการเจรจาครั้งล่าสุด 6-7 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้บริษัทฯ ได้คุยกับกรมการบินพลเรือนไปแล้วว่า ประมาณกลางปีจะข้อตั้งโต๊ะเจรจาในการขอสิทธิทางการบินเพิ่ม ซึ่งหากได้สิทธิทางการบินเพิ่ม บริษัทคงจะได้สิทธิบินเข้าอินเดียเพิ่มขึ้น”