xs
xsm
sm
md
lg

เตือนครั้งสุดท้าย “RICH”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


     ตลาดหลักทรัพย์ออกประกาศถี่ยิบ เตือนให้นักลงทุนรับรู้ถึง หุ้นบริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือหุ้น “RICH” ซึ่งจะซื้อขายวันที่ 9 พฤษภาคมนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี “ พักการซื้อขายยาว เพื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูฐานะการเงินและการดำเนินงาน
     “ริช”ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุ เป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560 พร้อมขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี”พักการซื้อขาย หลังจากนำส่งงบการเงินปี2559 ซึ่งปรากฏว่า ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงต่ำกว่าศูนย์

     ราคาหุ้นริช ทรุดตัวลงต่อเนื่อง เพราะผลดำเนินงานขาดทุน ขณะที่ฐานะการเงินมีปัญหา จนผิดนัดชำระหนี้ และถูกตลาดหลักทรัพย์จับเข้ากลุ่มฟื้นฟูฐานะการเงินฯ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูยาวนานเป็นปีๆ
     หุ้นตัวนี้อาการไม่ดีมาหลายปีแล้ว แต่นักลงทุนโดยทั่วไปไม่รับรู้ เพราะฝ่ายบริหารบริษัทฯไม่ได้ส่งสัญญาณเตือนใดๆ และก่อนมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ไม่กี่เดือน ยังเพิ่มทุนสูบเงินจากผู้ถือหุ้นอีก
     วันที่ 8 กันยายน 2559 คณะกรรมการบริษัท ริชฯได้ประขุมกัน โดยมีมติเพิ่มทุนอีก 7,200 หุ้น โดยจัดสรรหุ้นใหม่จำนวน4,800 ล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 30 สตางค์ พร้อมแจกใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ(วอร์แร้นท์) ในสัดส่วน 2 หุ้นใหม่ต่อ วอร์แร้นท์ 1 หน่วย อายุ 2 ปี กำหนดราคาแปลงสภาพ 1 บาท

     แต่ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่รู้ทัน ไม่สนใจวอร์แร้นท์ที่ออกมาล่อ ไม่หลวมตัวจ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน แผนการระดมเงินประมาณ1,400 ล้านบาท จึงล้มเหลว โดยระดมเงินได้เพียง214.58 ล้านบาท เพราะขายหุ้นใหมได้เพียง715.26 หุ้นเท่านั้น
     ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ริช” ไม่น่ามีใครจ่ายเงินซื้อหุ้น แต่หวังสูบเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อนำมากอบกู้ฐานะบริษัท ซึ่งมีปัญหาเพราะความล้มเหลวของฝ่ายบริหารบริษัท
     การชำระหุ้นเพิ่มทุนเกิดขึ้นปลายเดือนพฤศจิกายน 2559 โดนหลังจากผู้ถือหุ้นย่อยบางส่วนชำระค่าหุ้นแล้สววันที่ 13 มกราคม 2560 ฝ่ายบริหาร “ริช”ก็แจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการผิดนัดชำระหนี้ รวมเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวนทั้งสิ้น805.86 ล้านบาท
    ถ้าแผนการเพิ่มทุนสำเร็จ ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ควักกระเป๋าใส่เงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน ปัญหาหนี้ของ “ริช”อาจได้รับการสะสางไปแล้ว
     แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ยอมใส่ ดังนั้นการประกาศเพิ่มทุนเมื่อเดือนกันยายน 25859 จึงตั้งข้อสงสัยได้ว่า อาจวางเป้าหมายไว้แล้วแต่ต้น โดยจะสูบเงินจากกระเป๋าผู้ถือหุ้นรายย่อยโดยเฉพาะ
     ประเด็นที่ต้องตั้งคำถามต่อไปคือ คณะกรรมการบริษัทริช ซึ่งมีมติเพิ่มทุน รู้ล่วงหน้าหรือไม่ว่า ฐานะการเงินและการดำเนินงานของบริษัทเป็นอย่างไร รู้หรือไม่ว่า กำลังจะผิดนัดชำระหนี้
     ถ้ารู้ ทำไมไม่แจ้งให้ผู้ถือหุ้นรับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่า จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือไม่ และถ้ารู้ บริษัทกำลังไปไม่รอด ยังจะสูบเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกหรือ
     คณะกรรมการ “ริช” ไม่มีความรู้สึกเห็นใจในความเสี่ยงและความเสียหายของผู้ถือหุ้นรายย่อยบ้างเลยหรือ
     หุ้นริชหมดอนาคตไปแล้ว เพราะมีปัญหารุมเร้ามากมาย โดยถูกเทขายตั้งแต่การผิดนัดชำระหนี้ และถูกประกาศเป็นหุ้นที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ราคาล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดที่ 6 สตางค์
     แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือ ใครเทขายหุ้นออกมา ผู้ถือหุ้นใหญ่ชิงขายก่อนหรือไม่ เพราะถ้าแอบขายก่อน อาจเข้าข่ายอินไซเดอร เอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือไม่
     แต่ไม่เคยมีข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ตรวจจับอินไซเดอร์หุ้นริชแต่อย่างใด
     ผู้ถือหุ้ยรายย่อยริช มีจำนวนทั้งสิ้น 9,268 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 94.70% ของทุนจดทะเบียน ทุกคนตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เจ๊งไปกับหุ้นริช
     ส่วนคนที่ถือหุ้นริชอยู่ ยังสับสนลังเลว่า จะขายหุ้นทิ้ง ยอมตัดขาดทุน หรือพร้อมสู้ตายกับหุ้นริช โดยทนถือหุ้นต่อไป รอจนกว่า “ริช”จะคืนชีพขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่า จะใช้เวลาอีกกีปีหรืออีกนับสิบปี
     ผู้ถือหุ้นรายย่อยเหลือเวลาตัดสินใจอีกเพียง 2 วันเท่านั้นคือ วันนี้และพรุ่งนี้
     ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เชื่อว่า คงเผ่นไปก่อนหน้า ขายหุ้นทิ้งหมดเกลี้ยงมือไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น