กลุ่มพลังงานกดดัน SET ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.60 -0.26% ที่ 1,569.02 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 3.7 หมื่นล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2.1 พันล้านบาท
จากกรณีที่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP หรือ ปตท.สผ. ได้ทำหนังสือชี้แจงเมื่อวันที่ 6 พ.ค.60 กรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อของประเทศอินโดนีเซีย เกี่ยวกับการยื่นฟ้องคดีต่อศาลในกรุงจาการ์ตา โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 โดยได้เรียกมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท
กลายเป็นประเด็นหลักที่นักวิเคราะห์จับตาว่า จะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้หรือไม่ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ใน SET 50 ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 90% ของดัชนีรวม โดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีน้ำหนักประมาณ 3.75% ของ SET50 และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีสัดส่วนประมาณ 11.24% ของ SET50
“กลุ่ม PTT เป็นกลุ่มใหญ่มีหลักทรัพย์ 3 บริษัทที่อยู่ใน SET50 ดังนั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้นกดดันบรรยากาศการลงทุนแน่นอน แต่คาดว่าจะเป็นระยะสั้นเท่านั้น แนะนำให้นักลงทุนถือเป็นโอกาสในการทยอยซื้อลงทุนหุ้นที่น่าสนใจในราคาเหมาะสม” นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าว
พร้อมกันนี้ได้ แสดงทรรศนะกรณีที่อาจเกิด “Sell in May” ว่า ในปีนี้อาจไม่เห็นปรากฏการณ์ที่ดัชนีจะปรับตัวลงลึกมาก เพราะมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบกับเดือนพฤษภาคม มีวันหยุดระหว่างสัปดาห์หลายวัน จึงแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่จะได้รับอานิสงส์จากการส่งออก และ Community
“ถ้าจะสังเกตในปีนี้ มูลค่าการซื้อขายเริ่มเบาบางมาตั้งแต่เดือน 3 เดือน 4 แล้ว ซึ่งเดือน 5 นี่ก็เริ่มทรงตัว ดังนั้น ไม่น่าจะมีการขายออกมาหนักๆ นักลงทุนอาจใช้จังหวะศึกษาหุ้นที่ตนเองสนใจ และเลือกเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้นที่อยู่ในกระแส ก็น่าจะพิจารณาหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก เพราะที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้ก็เริ่มอ่อนค่าลง ประกอบกับการส่งออกเริ่มฟื้นตัวได้ ส่วนหุ้น Community เป็นหุ้นที่ลงทุนได้เรื่อยๆ ก็ใช้จังหวะพิจารณาดีๆ ยังมีหุ้นราคาเหมาะสมให้ลงทุนได้อยู่” นักวิเคราะห์ กล่าว
ปตท.สผ. ชี้แจงผ่านหนังสือว่า ทางบริษัททราบข่าวเรื่องการฟ้องร้องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ ปตท.สผ.ก็ยังไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ พร้อมชี้แจงว่า นับจากที่เกิดเหตุการณ์มอนทารา จนถึงปัจจุบัน บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย หรือ PTTEP AA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท.สผ. และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งมอนทารา ยังไม่เคยได้รับพยานหลักฐานที่ชัดเจนจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่แสดงให้เห็นได้ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจากเหตุการณ์มอนทารา ในประเทศอินโดนีเซีย แต่อย่างใด นอกจากนี้ จากผลการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย ก็ยืนยันได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณที่ติดกับน่านน้ำอินโดนีเซีย แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ราคาหุ้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.60 ที่ 94.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,102.22 ล้านบาท ปรับตัวลงต่อจากเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ลดลงไป 1 บาท มาปิดที่ 96 บาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดว่าจะรีบาวนด์ แม้จะได้รับแรงกดดันจากที่วันนี้หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล อย่างหุ้น KTB, BLA เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อดัชนีฯ ราว 2 จุด แต่เชื่อว่าตลาดฯ จะได้รับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ที่นายเอมมานูเอล มาครง ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.5% นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีดกลับหลังจากปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ทำให้คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,563-1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด
จากกรณีที่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP หรือ ปตท.สผ. ได้ทำหนังสือชี้แจงเมื่อวันที่ 6 พ.ค.60 กรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อของประเทศอินโดนีเซีย เกี่ยวกับการยื่นฟ้องคดีต่อศาลในกรุงจาการ์ตา โดยรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 โดยได้เรียกมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 70,000 ล้านบาท
กลายเป็นประเด็นหลักที่นักวิเคราะห์จับตาว่า จะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้หรือไม่ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ใน SET 50 ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 90% ของดัชนีรวม โดย บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มีน้ำหนักประมาณ 3.75% ของ SET50 และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีสัดส่วนประมาณ 11.24% ของ SET50
“กลุ่ม PTT เป็นกลุ่มใหญ่มีหลักทรัพย์ 3 บริษัทที่อยู่ใน SET50 ดังนั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้นกดดันบรรยากาศการลงทุนแน่นอน แต่คาดว่าจะเป็นระยะสั้นเท่านั้น แนะนำให้นักลงทุนถือเป็นโอกาสในการทยอยซื้อลงทุนหุ้นที่น่าสนใจในราคาเหมาะสม” นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าว
พร้อมกันนี้ได้ แสดงทรรศนะกรณีที่อาจเกิด “Sell in May” ว่า ในปีนี้อาจไม่เห็นปรากฏการณ์ที่ดัชนีจะปรับตัวลงลึกมาก เพราะมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประกอบกับเดือนพฤษภาคม มีวันหยุดระหว่างสัปดาห์หลายวัน จึงแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่จะได้รับอานิสงส์จากการส่งออก และ Community
“ถ้าจะสังเกตในปีนี้ มูลค่าการซื้อขายเริ่มเบาบางมาตั้งแต่เดือน 3 เดือน 4 แล้ว ซึ่งเดือน 5 นี่ก็เริ่มทรงตัว ดังนั้น ไม่น่าจะมีการขายออกมาหนักๆ นักลงทุนอาจใช้จังหวะศึกษาหุ้นที่ตนเองสนใจ และเลือกเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้นที่อยู่ในกระแส ก็น่าจะพิจารณาหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออก เพราะที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้ก็เริ่มอ่อนค่าลง ประกอบกับการส่งออกเริ่มฟื้นตัวได้ ส่วนหุ้น Community เป็นหุ้นที่ลงทุนได้เรื่อยๆ ก็ใช้จังหวะพิจารณาดีๆ ยังมีหุ้นราคาเหมาะสมให้ลงทุนได้อยู่” นักวิเคราะห์ กล่าว
ปตท.สผ. ชี้แจงผ่านหนังสือว่า ทางบริษัททราบข่าวเรื่องการฟ้องร้องดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ ปตท.สผ.ก็ยังไม่ได้รับเอกสารเกี่ยวกับการฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ พร้อมชี้แจงว่า นับจากที่เกิดเหตุการณ์มอนทารา จนถึงปัจจุบัน บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย หรือ PTTEP AA ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท.สผ. และเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งมอนทารา ยังไม่เคยได้รับพยานหลักฐานที่ชัดเจนจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ที่แสดงให้เห็นได้ว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจากเหตุการณ์มอนทารา ในประเทศอินโดนีเซีย แต่อย่างใด นอกจากนี้ จากผลการศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย ก็ยืนยันได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณที่ติดกับน่านน้ำอินโดนีเซีย แต่อย่างใดทั้งสิ้น
ราคาหุ้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 พ.ค.60 ที่ 94.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,102.22 ล้านบาท ปรับตัวลงต่อจากเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ลดลงไป 1 บาท มาปิดที่ 96 บาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดว่าจะรีบาวนด์ แม้จะได้รับแรงกดดันจากที่วันนี้หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผล อย่างหุ้น KTB, BLA เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อดัชนีฯ ราว 2 จุด แต่เชื่อว่าตลาดฯ จะได้รับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ที่นายเอมมานูเอล มาครง ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกราว 0.2-0.5% นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีดกลับหลังจากปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ทำให้คาดว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,563-1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด