xs
xsm
sm
md
lg

รายย่อย “WIN” ไม่ใช่หมู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


     หุ้นบริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด(มหาชน) หรือ “WIN” เป็นหุ้นขนาดเล็ก ไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนมากนัก แต่หลังการประกาศเพิ่มทุนครั้งล่าสุด ทำให้หุ้นตัวนี้ถูกพูดถึงขึ้นมา
     คณะกรรมการบริษัท สวนอุตสาหกรรมฯประชุมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 โดยมีมติเพิ่มทุนจำนวน 51,013,092 หุ้น ราคาพาร์ 1 บาท เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 62 สตางค์
     ราคาหุ้นใหม่ที่เสนอขาย คำนวณจากราคาที่ซื้อขายบนกระดานย้อนหลัง 7-15 วันทำการ ซึ่งได้ราคาเฉลี่ยที่ 56 สตางค์ แต่คณะกรรมการบวกเพิ่มอีก 6 สตางค์ จึงกลายเป็นราคา 62 สตางค์

     วันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเพิ่มทุน หุ้น ”วิน” ซึ่งหงอยเหงามานาน กลับซื้อขายกันอย่างคึกคัก ราคาถูกกระชากขึ้นไป 5 สตางค์ จากราคาหุ้นละ 58 สตางค์ ทะยานขึ้นไปปิดที่ 63 สตางค์ ซึ่งเห็นชัดว่า มีความพยายามผลักดันราคาหุ้นให้สูงกว่าหุ้นใหม่ที่จะนำออกมาสูบเงินผู้ถือหุ้น
     แต่คนที่อยู่เบื้องหลังการกระชากราคาหุ้น “วิน” วันที่ 9 มีนาคม 2560 ไม่แน่พอ ไม่กล้าพอ สรุปคือใจไม่ถึง เพราะไล่ราคาไปเพียงวันเดียว ก่อนปล่อยให้รูดลงมา การซื้อขายกลับสู่ความซบเซา ราคาหุ้นซึมในกรอบแคบๆ ระหว่างหุ้นละ 55-58 สตางค์ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้

     หุ้น “วิน” เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2533 โดยนำหุ้นเสนอขายประชาชนในราคา 72 บาท จากพาร์ 10 บาท ปัจจุบันแตกพาร์เหลือ 1 บาท
     หุ้นตัวนี้เฉามาหลายปีแล้ว ผลดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง เพิ่งจะมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาทเศษในปี 2559 ยอดรายได้แต่ละปีไม่ถึง 100 ล้านบาท
     ผู้ถือหุ้นรายย่อย “วิน” มีจำนวนทั้งสิ้น 3,672 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 58.48% ของทุนจดทะเบียน โดยนางนภา จามิกรณ์ ประธานกรรมการถือหุ้นใหญ่สุด 14.92% ของทุนจดทะเบียน
     ฝ่ายบริหารหุ้น “วิน” เคยล้มเหลวจากการเพิ่มทุน นำหุ้นใหม่เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมมาแล้ว เมื่อกลางปี 2558 โดยคณะกรรมการมีมติเพิ่มทุนจำนวน 25 ล้านหุ้น จัดสรรผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 20 หุ่นเดิมต่อ1หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1.05 บาท
     ผลการจำหน่ายหุ้นใหม่ ปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อเข้ามาเพียง130,928 หุ้น หุ้นใหม่เหลือขายบานเบอะ 24,869,072 หุ้น
     เงินที่ได้มาจากการเพิ่มทุนมีจำนวน 137,474.40 บาท แต่ปรากฏว่า มีค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มทุนครั้งนั้นจำนวน 175,195.86 บาท
     สรุปคือ ขาดทุนจากการเพิ่มทุนจำนวน 37,721.46 บาท

     ปรากฏการณ์ที่เห็นชัดคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งหมด ไม่มีใครใส่เงินจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนแม้แต่รายเดียว แต่หวังจะให้รายย่อยควักกระเป๋าจุนเจือบริษัทฯ
     การเพิ่มทุนครั้งล่าสุดของ “วิน” จึงอาจคาดหมายได้ล่วงหน้าว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยการเพิ่มทุนช่วงปลายปี2558
     เพราะผู้ถือหุ่นรายย่อย คงรู้ทันคณะกรรมการบริษัทฯแล้ว และไม่น่าจะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพราะหากสนใจหุ้นวินจริง สามารถซื้อราคาที่ต่ำกว่าในกระดานได้ ใครจะโง่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน
     ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่”วิน” น่าจะทิ้งสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเหมือนกัน ส่งผลให้แผนการเพิ่มทุนครั้งใหม่ต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และบริษัทฯต้อง “ขาดทุน”จากการ ”เพิ่มทุน” เช่น เดียวกับการเพิ่มทุนเมื่อกลางปี 2558

     แผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ ไม่รู้ว่า ฝ่ายบริหารบริษัทฯคิดอะไรอยู่ เพราะเมื่อการเสนอขายหุ้นใหม่ ไม่มีแรงจูงใจในการใช้สิทธิจองซื้อ ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไหนจะยอมควักเงินซื้อ
     และผู้ถือหุ้นรายย่อยหุ้น “วิน” ธรรมดาเสียที่ไหน ถ้าไม่ทันเกมฝ่ายบริหาร หลวมตัวจ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งก่อนไป ป่านนี้แบกต้นทุนหุ้นเพิ่มราคา1.05 บาทอ่วมกันแล้ว
     นักลงทุนรายย่อยยุดนี้ ไม่ใช่หมูที่จะกินกันง่ายๆ และทำให้การเพิ่มทุนเพื่อสูบเงินจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่งต้องล้มเหลว
กำลังโหลดความคิดเห็น