xs
xsm
sm
md
lg

วาณิชธนกิจคาดระยะสั้นทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ในช่วงต้นไตรมาส 2 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวขึ้น 8.4%ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2017 โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองทั้งในตะวันออกกลาง และคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก โดยนายเอ็มมานูเอล มาครง สามารถผ่านเข้าไปรอการเลือกตั้งรอบ 2 ได้  ราคาทองคำจึงอ่อนตัวลงตามสถานการณ์ความตึงเครียดต่างๆ เริ่มผ่อนคลาย ประกอบกับนักลงทุนคาดการณ์ในเชิงบวกต่อมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ จึงหันกลับเช้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง กดดันให้เกิดแรงขายให้ทองคำออกมา

การอ่อนตัวลงของราคาทองคำส่งผลให้วาณิชธนกิจชั้นนำของโลกออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลง โดยยูบีเอส ได้ปรับลดเป้าหมายระยะ 3 เดือนสำหรับราคาทองลงสู่ระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ พร้อมกันนี้ ยูบีเอส ยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองในระยะ 6 เดือน และ 12 เดือนลงสู่ระดับ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จาก 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ด้วย

กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ในระยะสั้นราคาทองคำอาจจะถูกกดดันจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น ส่วนราคาทองในระยะยาวยังมอง “เป็นกลาง” เนื่องจากดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง

ด้านโกลด์แมน แซคส์ ออกมาระบุเช่นกันว่า ราคาทองจะเผชิญต่อแรงกดดันในระยะใกล้นี้ โดยเป้าหมายในระยะ 3 เดือนของราคาทองคำในมุมมองของโกลด์แมน แซคส์ อยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด และการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่เร็วขึ้นจากการคาดการณ์ว่าจะมีการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวแข็งแกร่งมากขึ้น

แต่ในระยะกลางโกลด์แมน แซคส์ มองว่า การปรับตัวลดลงของราคาจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายในระยะ 12 เดือนอยู่ที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ขณะที่นักวิเคราะห์ของธนาคาร IntesaSanpaoloSpA ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่คาดการณ์ราคาทองคำในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้แม่นยำที่สุดจากการรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg ออกมาคาดการณ์ว่า ราคาทองคำปีนี้จะเคลื่อนไหวในรูปแบบของ v-shaped โดยกลางปีราคาทองคำจะได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด

อย่างไรก็ดี ทางธนาคารมองว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงไตรมาส 4 ดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อแ และความตึงเครียดทางการเมืองในรัสเซีย ซีเรีย และเกาหลีเหนือ

ถึงแม้หลากหลายวาณิชธนกิจจะออกมาคาดการณ์ในเชิงลบต่อราคาทองคำในระยะสั้นก็ตาม แต่ก็มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นในระยะกลางและระยะยาว อีกทั้งยังมองว่าการปรับตัวลงของราคาถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อสะสมทองคำในช่วงราคาอ่อนลง

อย่างไรก็ดี แรงซื้อแรงขายในตลาดทองคำมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการแกว่งตัวของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลทั้งในทางบวก และทางลบเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนทองคำจึงควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ และไม่ควรลงทุนมากเกินกำลังพร้อมทั้งติดตามข่าวสารดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน

กำลังโหลดความคิดเห็น