รมว.คลัง เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท คาดปีงบ 60 เบิกจ่ายเม็ดเงินได้ 1.7 แสนล้าน ช่วยกระตุ้น ศก.ในประเทศ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 2/2560 โดยระบุว่า ตนเองได้มีการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับภารกิจในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ วงเงินรวม 2 ล้านล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 7 ปี ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยในปีงบประมาณ 2560 คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนได้ราว 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กลับไปดูในรายละเอียด หลังพบว่าไตรมาสแรกของปี 2560 มีคำขอสนับสนุนการลงทุนจากเอกชน ทั้งในส่วนของวงเงินและจำนวนรายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่หากดูย้อนกลับไปจะพบว่าช่วงเวลาดังกล่าว คำขอสนับสนุนการลงทุนจากภาคเอกชนจะมีจำนวนสูงที่สุด โดยให้กลับไปดูว่าเกิดจากปัญหาหรือปัจจัยใด เช่น ประเทศอื่นให้ข้อเสนอในการลงทุนที่ดีกว่าไทยหรือไม่
สำหรับความคืบหน้าในการดูแลและให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้มีรายได้น้อยนั้น ทุกอย่างยังคงเดินหน้าได้ตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้รายงานในที่ประชุมว่า โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินรวม 2 ล้านล้านบาทนั้น แบ่งเป็น โครงการที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 20 โครงการ วงเงิน 1.38 ล้านล้านบาท และโครงการที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 36 โครงการ วงเงิน 8.95 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้มีความคืบหน้าไปค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ พบว่าการเบิกจ่ายงบประมาณกลางปี 2560 ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) วงเงิน 9.8 พันล้านบาท ยังติดปัญหาทำให้ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ โดย อปท.เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนเงื่อนไขในการเบิกจ่ายงบกลางดังกล่าว โดยขอให้มีการยกเว้นการนำเงินสะสมของ อปท.จำนวน 50% ของวงเงินลงทุนในแต่ละโครงการออกมาใช้ลงทุนร่วมกับงบกลางในโครงการตามแผนลงทุนต่างๆ รวมถึงได้มีการขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ออกไปถึง ก.ย.60 จากเดิมที่หมดอายุในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และขอขยายระยะเวลาการส่งแผนโครงการลงทุนเป็น มิ.ย.560 จากเดิมกำหนดที่ 31 มี.ค.60