ผู้ถือหุ้นเสนาดีเวลลอปเม้นท์ ไฟเขียวปันผลเป็นหุ้นอัตรา 16 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และปันผลเป็นเงินสดอัตรา 0.00996 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 25 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหารหญิงแกร่ง “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” ลุยอสังหาฯ เต็มสูบ ขยายตลาดทุกเซกเมนต์ ปักหมุดรายได้ปี 60 โตเกิน 20% กำไรทำสถิติสูงสุดใหม่
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 16 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็น 0.06250 บาทต่อหุ้น และปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.00996 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 83 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 4,059 ล้านบาท โดยจะผลักดันให้รายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งมาจากทั้งการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ การร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ในเร็วๆ นี้ รวมถึงรายได้จากพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ
นอกจากนี้ จะเห็นการขยายตัวของ SENA คือ การเจาะกลุ่มระดับกลาง-บน เพื่อขยายเซกเมนต์ใหม่ๆ อีกทั้งยังเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกรูปแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การนำแผงโซลาร์มาติดตั้งบนหลังคาในโครงการ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า หรือแอปพลิเคชัน SENA 360 SERVICE ที่พัฒนาเพื่อบริการหลังการขายที่ครบวงจร สร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนการผลักดันการเติบโตในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ
“การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นอีกปีที่ดีของ SENA เช่นกัน เพราะด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจในเชิงรุก และถือเป็นการทำในทุกรูปแบบ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายที่อยู่อาศัยน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ โดยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะทยอยกลับมาลงทุนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ออกสู่ตลาด และให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้น โดยมีแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จำนวนผู้ประกอบการรายใหม่จากธุรกิจรายใหญ่อื่นๆ เข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัว