xs
xsm
sm
md
lg

“เดอะคลีนิกค์” ผ่านไฟลิ่ง ก.ล.ต.แล้ว จ่อเข้าเทรดในตลาด เอ็ม เอ ไอ ภายในปี 60 ระดมทุนขยายธุรกิจเวชสำอางค์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.เออีซี (AECS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKC ผู้ให้บริการด้านผิวพรรณ และศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระดมทุนขยายสาขาใหม่ 8 แห่งในปี 2560-2561 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานในระยะยาว คาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง ก.ล.ต.ได้ในเร็วๆ นี้

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จํากัด (มหาชน) หรือ AECS ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่า ฝ่ายวาณิชธนกิจ สายงาน IB5 ของบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นต่อประชาชน( IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ หลังจากได้รับอนุมัติจากทาง ก.ล.ต.ได้ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เป็นผู้ให้บริการด้านผิวพรรณ และศัลยกรรมความงามในหลายรูปแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ การให้บริการด้านผิวพรรณ ลดริ้วรอย รักษารูปร่าง และศัลยกรรม การให้บริการทำทรีตเมนต์เพื่อรักษาผิวหน้า ลดรอยแดง ลดรอยดำ การให้บริการเลเซอร์เพื่อยกกระชับ ปรับรูปหน้า การดูแลรูปร่างด้วยการกำจัด และสลายไขมัน การทำศัลยกรรมตกแต่ง เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจำหน่ายเวชสำอาง โดยมีผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ อาทิ Special Care, Clean & Prepare, Whitening Set, Sun Care และ Antioxidant เป็นต้น โดยสิ้นปี 2559 บริษัทมีคลินิกสาขา จำนวน 22 สาขา และคลินิกแฟรนไชส์อีก 3 สาขา และมีทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท ทุนชำระแล้ว 80 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการให้บริการจะเน้นการให้บริการลูกค้ากลุ่ม Medium High ถึง High End และจะมีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้า ซึ่งทางบริษัทจะมีการติดต่อส่งข่าวสาร หรือโปรโมชันให้กับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการส่งโปรโมชันแนบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในวันเกิด เพื่อสร้างความประทับใจ และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีก ทางบริษัทยังมุ่งเน้นการประสานงานกับทางการตลาดของธนาคารต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านฐานข้อมูลลูกค้าบัตรเครดิตของธนาคารด้วยวิธีการต่างๆ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AEC) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (TKC) ในช่วง 2557 มีรายได้จากการให้บริการ และค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการทยอยรับรู้รายได้จากการให้บริการแล้ว จำนวน 438.45 ล้านบาท และมีกำไร (ขาดทุน) สุทธิ จำนวน (37.36) ล้านบาท ส่วนในปี 2558 มีรายได้จากการให้บริการ และค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 51.77 ล้านบาท และปี 2559 มีรายได้จากการให้บริการ และค่ารักษาพยาบาล จำนวน 640.51 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 32.66 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปี 2557 ทาง TKC มีอัตราขาดทุนสุทธิในปี 2557 จากการกำหนดอายุคอร์สยังไม่สอดคล้องกับการใช้บริการจริง และบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นในปี 2558 มีผลมาจากรายได้จากการใช้บริการของลูกค้าที่ชำระเงินก่อนปี 2558 มาใช้บริการในปี 2558 เพิ่มขึ้น รวมถึงในปี 2557 มีการกำหนดอายุคอร์สใหม่จากเดิม 2 ปีเป็น 1 ปี ส่งผลให้มีรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2556 หมดอายุในปี 2558 จำนวน 23.93 ล้านบาท และคอร์สที่ชำระเงินในปี 2557 หมดอายุในปี 2558 จำนวน 70.72 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ปี 2559 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือร้อยละ 5 เนื่องจากรายได้จากคอร์สที่ชำระเงินในปี 2558 หมดอายุในปี 2559 มีจำนวนเพียง 77.59 ล้านบาท และหรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.14 และลดลงร้อยละ 0.04 ในปี 2558 ในปี 2559 ตามลำดับ

“สำหรับวัตถุประสงค์ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ จำนวน 8 สาขา ซึ่งจะทยอยเปิดในช่วงปี 2560-2561 โดยมุ่งเน้นตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 15-20 ล้านบาทต่อสาขา โดยแบ่งออกเป็นเงินมัดจำค่าเช่า 1.50-2.00 ล้านบาท ค่าตกแต่งสาขา 3.00-4.00 ล้านบาท ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ 10.00-14.00 ล้านบาท และอุปกรณ์ 1.00 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น”

นอกจากนี้ TKC มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ผู้บริโภคเป็นแรงขับเคลื่อนในตลาด ทางบริษัทจึงได้ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบถึงความต้องการอย่างตรงจุด และเมื่อนำความเข้าใจในผู้บริโภคมาปรับใช้กับการวางกลยุทธ์ ทำให้ส่งผลดีต่อการดำเนินงาน และผลประกอบการที่เป็นเป้าหมายธุรกิจในระยะยาว ซึ่งบริษัทจึงได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อเตรียมรับมือกับการแข่งขันเพื่อสร้างความได้เปรียบในระยะยาว อาทิ การพัฒนาการให้บริการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย, การพัฒนาคุณภาพการให้บริการด้วยบุคลากรและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ, การสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รับรู้และจดจำ, การขยายขอบเขตการให้บริการ, ทำเลที่ตั้ง, ด้านราคาและการส่งเสริมทางการตลาด, การประชาสัมพันธ์, การทำสื่อการตลาดให้ลูกค้ากลุ่มดิจิตอลเนทีฟ (Digital Native) ต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น