นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) สรุปบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 1/2560 ที่ผันผวนตลอด 3 เดือน ทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาเก็งกำไรในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants : DW) เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สัดส่วนของปริมาณการซื้อขาย DW ต่อปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทุกประเภทสูงขึ้นถึง 5.6% และสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2552 ที่สำนักงาน ก.ล.ต.อนุญาตให้มีการเสนอขาย DW ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยกลุ่มหุ้นอ้างอิงที่นักลงทุนซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก อยู่ในกลุ่มดัชนีหลักทรัพย์ 47.5%, กลุ่มพลังงาน และสาธารณูปโภค 10.7%, และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร 8.6%
DW ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 มีทั้งหมด 1,094 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 877 รุ่น และ Put DW 217 รุ่น เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 4/2559 ที่มีจำนวน DW ที่ 1,072 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 848 รุ่น และ Put DW 224 รุ่น โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้นจาก 103 ตัวเป็น 105 ตัว หลักทรัพย์อ้างอิงที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) ส่วนหลักทรัพย์อ้างอิงที่หลุดออกไป ได้แก่ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) และบริษัท อาร์เอส (RS)
สำหรับ DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไตรมาส 1/2560 ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซึ่งมีการซื้อขายสูงถึง 47.5% ของการซื้อขาย DW ทั้งหมด โดยนักลงทุนให้ความสนใจ Call DW เป็นจำนวนมากเมื่อดัชนี SET50 เคลื่อนไหวใกล้แนวรับสำคัญที่ 970 จุด อันดับสองเป็น DW อ้างอิงหุ้น GL มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 3.7% โดยนักลงทุนให้ความสนใจ Call DW เป็นจำนวนมากจนกระทั่งทำให้ผู้ออกหลายรายได้กระจายขาย DW ได้ครบจำนวนที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งผลให้ราคาซื้อขายในกระดานสูงเกินจริงมากกว่า 100% ส่วนอันดับ 3 เป็น DW อ้างอิงหุ้น PTT มีสัดส่วนการซื้อขาย 3.6% โดยนักลงทุนให้ความสนใจซื้อ Call DW อย่างหนาแน่นภายหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 18 เดือน ที่ระดับ 58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
“หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงมีจำนวน DW สูงสุดในระบบคิดเป็น 15.90% ของจำนวน DW ที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาด และมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดคิดเป็น 74.29% รวมทั้งยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 34% เมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในไตรมาส 1/2560 และหากพิจารณาจากยอดถือครอง DW เฉลี่ยโดยนักลงทุน หลักทรัพย์บัวหลวง ก็ยังเป็นผู้ออกที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน ในขณะที่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย โดยในวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการเสนอขาย DW จำนวน 35 รุ่นอ้างอิง AMATA, BCH, BLA, CBG, CHG, CKP, CPALL, EPG, GUNKUL, HANA, IRPC, KTC, MTLS, ROBINS, SAMART, SAWAD, SET50, STPI, TASCO, THAI, TTA, WH” นายบรรณรงค์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายบรรณรงค์ ยอมรับว่า ไตรมาส 1/60 มี DW บางตัวสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร เนื่องจากขาย DW ได้เกือบครบจำนวนที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้ไม่สามารถปรับราคาในกระดานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ หลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะผู้ออก DW01 จึงขอแนะนำว่า นักลงทุนควรติดตามข่าวสารการลงทุนจากผู้ออก DW อย่างสม่ำเสมอจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ (www.set.or.th), เว็บไซต์ผู้ออก DW (เช่น www.blswarrant.com) หรือ Line Application (เช่น @bualuangsec) เพราะเมื่อผู้ออกฯ ไม่สามารถควบคุมราคาได้ตามปกติ จะมีการแจ้งเตือนให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนทันที
DW ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 มีทั้งหมด 1,094 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 877 รุ่น และ Put DW 217 รุ่น เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 4/2559 ที่มีจำนวน DW ที่ 1,072 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 848 รุ่น และ Put DW 224 รุ่น โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้นจาก 103 ตัวเป็น 105 ตัว หลักทรัพย์อ้างอิงที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) ส่วนหลักทรัพย์อ้างอิงที่หลุดออกไป ได้แก่ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) และบริษัท อาร์เอส (RS)
สำหรับ DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไตรมาส 1/2560 ยังคงเป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซึ่งมีการซื้อขายสูงถึง 47.5% ของการซื้อขาย DW ทั้งหมด โดยนักลงทุนให้ความสนใจ Call DW เป็นจำนวนมากเมื่อดัชนี SET50 เคลื่อนไหวใกล้แนวรับสำคัญที่ 970 จุด อันดับสองเป็น DW อ้างอิงหุ้น GL มีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 3.7% โดยนักลงทุนให้ความสนใจ Call DW เป็นจำนวนมากจนกระทั่งทำให้ผู้ออกหลายรายได้กระจายขาย DW ได้ครบจำนวนที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งผลให้ราคาซื้อขายในกระดานสูงเกินจริงมากกว่า 100% ส่วนอันดับ 3 เป็น DW อ้างอิงหุ้น PTT มีสัดส่วนการซื้อขาย 3.6% โดยนักลงทุนให้ความสนใจซื้อ Call DW อย่างหนาแน่นภายหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 18 เดือน ที่ระดับ 58 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
“หลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงมีจำนวน DW สูงสุดในระบบคิดเป็น 15.90% ของจำนวน DW ที่มีการซื้อขายทั้งหมดในตลาด และมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดคิดเป็น 74.29% รวมทั้งยังครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 34% เมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในไตรมาส 1/2560 และหากพิจารณาจากยอดถือครอง DW เฉลี่ยโดยนักลงทุน หลักทรัพย์บัวหลวง ก็ยังเป็นผู้ออกที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 เช่นกัน ในขณะที่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย โดยในวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการเสนอขาย DW จำนวน 35 รุ่นอ้างอิง AMATA, BCH, BLA, CBG, CHG, CKP, CPALL, EPG, GUNKUL, HANA, IRPC, KTC, MTLS, ROBINS, SAMART, SAWAD, SET50, STPI, TASCO, THAI, TTA, WH” นายบรรณรงค์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายบรรณรงค์ ยอมรับว่า ไตรมาส 1/60 มี DW บางตัวสร้างความเสียหายให้กับนักลงทุนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร เนื่องจากขาย DW ได้เกือบครบจำนวนที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้ไม่สามารถปรับราคาในกระดานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ หลักทรัพย์บัวหลวง ในฐานะผู้ออก DW01 จึงขอแนะนำว่า นักลงทุนควรติดตามข่าวสารการลงทุนจากผู้ออก DW อย่างสม่ำเสมอจากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ (www.set.or.th), เว็บไซต์ผู้ออก DW (เช่น www.blswarrant.com) หรือ Line Application (เช่น @bualuangsec) เพราะเมื่อผู้ออกฯ ไม่สามารถควบคุมราคาได้ตามปกติ จะมีการแจ้งเตือนให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนทันที