xs
xsm
sm
md
lg

“GGC” เคาะ IPO ที่ 11.20 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 20-21, 24 เม.ย.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC
บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC เคาะราคาจองซื้อหุ้น IPO ในราคาที่ 11.20 บาทต่อหุ้น และกำหนดระยะเวลาจองซื้อสำหรับบุคคลทั่วไประหว่างวันที่ 20-21 เม.ย. และ 24 เม.ย. ระดมทุนขยายกำลังการผลิตเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม

นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันให้การตอบรับการระดมทุนขายหุ้น IPO ในครั้งนี้เป็นอย่างดีมาก ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต โดยการสร้างโรงงานผลิตเมทิลเอสเทอร์ แห่งที่ 2 และโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 1 ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตเอทานอล โรงไฟฟ้า และระบบสาธารณูปโภค โดยบริษัทเตรียมเดินหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการต่อยอดไปยังการผลิคเคมีชีวภาพ และพลาสติกชีวภาพในโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 2 ในอนาคต

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บล.ภัทร ในฐานะตัวแทนของผู้รับประกันการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย ของ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC กล่าวเสริมว่า การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ GGC มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศที่ดี และมีความต้องการซื้อหุ้นโดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของบริษัท

ทั้งนี้ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC เป็นบริษัทลูกของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จะเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 246,666,700 หุ้น พาร์หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นประมาณ 25% ของหุ้นที่ออก และจำหน่ายแล้วทั้งหมด ขณะที่จะมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ หรือไม่เกิน 37,000,000 หุ้น โดยมี บล.ภัทร และ บล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ PTTGC จะลดสัดส่วนการถือหุ้นจากปัจจุบันที่ราว 99.99% เหลือ 75% ในกรณีที่ไม่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกิน และเหลือ 72.29% ในกรณีที่มีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน

“GGC จะเป็นเรือธงของ PTTGC ในธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมีความเข้มแข็งในส่วนของธุรกิจปาล์มเป็นหลัก แต่ในอนาคตจะขยายไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาล เพื่อต่อยอดเป็นไบโอพลาสติก รองรับการเกิดไบโอคอมเพล็กซ์ในอนาคต ที่มีฐานวัตถุดิบจากพืชเกษตรทั้งอ้อย และมันสำปะหลัง จากปัจจุบันที่ GGC มีรายได้หลักราว 60% มาจากธุรกิจไบโอดีเซล และ 40% มาจากแฟตตี้แอลกอฮอล์”
กำลังโหลดความคิดเห็น