บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส ส่งบริษัทย่อยเข้าซื้อกิจการ 100% ใน Glanzstoff ผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป หวังเพิ่มมูลค่า และโอกาสร่วมงานกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก พร้อมก้าวสู่การพัฒนาเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับ และยานพาหนะไฟฟ้า
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL รายงานว่า บริษัท Indorama Netherlands BV (INBV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ได้ลงนามในสัญญาซื้อกิจการในอัตราร้อยละ 100 ในกิจการ Glanzstoff Industries GMBH (Glanzstoff) เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2560 ซึ่งเป็นกิจการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์
สำหรับ Glanzstoff เป็นผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป และเป็นผู้นำระดับโลกด้าน singleend-cords (SEC) ซึ่งเป็นเส้นด้ายเสริมความแข็งแรงให้กับยางที่ใช้ในอุปกรณ์เครื่องกลต่างๆ ซึ่งถูกผนวกเข้ากับเส้นใยเรยอนที่มีความทนทานสูง โดย Glanzstoff มีความสามารถในการผลิตเส้นใยสาหรับยางรถยนต์ และ SEC ที่หลากหลาย อาทิ เส้นใยเรยอนที่มีประสิทธิภาพสูง, aramid Nylon 66, เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยสังเคราะห์ เพื่อสมรรถนะที่ดีของอุปกรณ์ยานยนต์
โดยธุรกิจของ Glanzstoff นั้น ประกอบด้วยโรงงาน 3 แห่งในทวีปยุโรป ได้แก่ ประเทศลักเซมเบิร์ก ประเทศอิตาลี และสาธารณรัฐเช็ก และโรงงานผลิต SEC แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่เมืองชิงเต่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีกำลังการผลิตเส้นด้ายเรยอน (Rayon yarn) ทั้งหมดจำนวน 12,000 เมตริกตัน เส้นด้ายเกลียว (twisting yarn) จำนวน 30,600 เมตริกตัน เส้นด้ายทอผ้า (weaving yarn) จำนวน 31,000 เมตริกตัน เส้นด้ายชุบ (dipping fabrics) จำนวน 30,000 เมตริกตัน และ SEC Cap Ply จำนวน 6,300 เมตริกตัน
การเข้าซื้อกิจการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ Glanzstoff นับเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับไอวีแอล และลูกค้าของบริษัท นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทในการทางานร่วมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยียานพาหนะไร้คนขับ (autonomous vehicles) และยานพาหนะไฟฟ้า (electric vehicles)
อย่างไรก็ตาม มูลค่าของการได้มาซึ่งกิจการดังกล่าวมีขนาดต่ำกว่าร้อยละ 15 และจากการคำนวณขนาดของรายการรวมที่เกิดขึ้นระหว่าง 6 เดือน จึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามเกณฑ์ในเรื่องการได้มา และจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ ตามที่กาหนดไว้ในประกาศของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นรายการที่อนุมัติตามเกณฑ์ปกติ คาดว่าจะดำเนินการสำเร็จภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2560