xs
xsm
sm
md
lg

“KGI” ปรับกลยุทธหารายได้ เตรียมลุยธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง พร้อมจ่อขยายวงหุ้นกู้เพิ่มอีก 4 พันล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 นาย จื้อ-หง หลิน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI
ผู้ถือหุ้น KGI อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.38 บาท คิดเป็น 78% ของกำไรสุทธิ พร้อมขอขยายวงเงินออกหุ้นกู้ หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ จากเดิมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ทั้งยังเตรียมเสริมทัพด้วยธุรกิจใหม่บริหารจัดการความมั่งคั่ง หรือ Wealth Management

นาย จื้อ-หง หลิน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยถึงผลประชุมสามัญประจำปี 2560 ว่า ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานประจำปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.38 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 757 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 78% ของกำไรสุทธิสำหรับปีจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 20 เมษายน 2560 กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 21 เมษายน 2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560
 
“ผลประกอบการของบริษัทในปี 2559 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือมีกำไรสุทธิ 1,022 ล้านบาท พร้อมพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอัตรา 78% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทฯ เห็นโอกาสจากการลงทุนที่คาดว่า จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต และปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาขยายเข้าสู่ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งหรือ Wealth Management ในลำดับต่อไป”
 
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินในการออก และเสนอขายหุ้นกู้ หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ของบริษัทฯ จากเดิมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ทางทริสเรทติ้ง ได้เพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทจาก BBB+ เป็น A- สะท้อนความแข็งแกร่ง และฐานะการเงินของบริษัท ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์สูงถึง 14,000 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 5,481 ล้านบาท และมีอัตราการดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ หรือ NCR อยู่ที่ 59% โดยในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 3,246 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 31% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากการดำเนินธุรกิจมีความหลากหลาย แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 33% ของรายได้รวม กำไรจากเงินลงทุน และตราสารอนุพันธ์ 36% และอีก 19% รายได้จากค่าธรรมเนียม ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทมีความพร้อมรับมือกับภาวะแข่งขันรุนแรงในธุรกิจหลักทรัพย์ภายหลังเปิดเสรีค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ 3.76% ส่วนแบ่งการตลาดนายหน้าตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 12.59%
กำลังโหลดความคิดเห็น