บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยได้ปัจจัยหนุนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคแตะ 76.8 สูงสุดในรอบ 24 เดือน บวกเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยหนุนเรื่องราคาน้ำมันยืนเหนือ 52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดดัชนีแก่วงตัวในกรอบ 1,560-1,590 จุด แนะเก็งกำไร ในกลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง และกลุ่มธนาคารที่กำไร Q1/60 มีแนวโน้มเติบโตเด่น ชู SCB-TISCO ด้านแนวโน้มราคาทองคำ แนะนำให้เล่นรอบในกรอบ sideway ระหว่าง 1,245-1,275 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นเล่นฝั่ง long มากกว่า
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือน มี.ค. อยู่ที่ 76.8 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 24 เดือน การที่รัฐบาลยังสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันปรับขึ้น และยืนเหนือ 52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบลาร์เรล จากความกังวลสหรัฐฯ ยิงจรวดถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย และ Foreign พลิกเป็น Net Buy ตั้งแต่เดือน มี.ค. ราว 5 พันล้านบาท
ส่วนปัจจัยกดดันมาจากบรรยากาศการซื้อขายมีแนวโน้มซบเซา เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับความกังวลสหรัฐฯ ยิงจรวดถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย และสหรัฐฯ เคลื่อนกองเรือรบมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี และเหตุการณ์ไม่สงบในหลายประเทศ อาทิ เหตุระเบิดโบสถ์คริสต์ 2 แห่งในอียิปต์ เหตุรถบรรทุกพุ่งชนห้างสรรพสินค้ากลางกรุงสต็อกโฮล์ม ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องก่อการร้ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 12 เม.ย. จีนเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มี.ค. วันที่ 13 เม.ย. สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือน เม.ย. และในวันที่ 17-21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารมีกำหนดส่งงบการเงินไรมาส 1/2560
ด้าน นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันที่ขึ้นยืนเหนือ 52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเหตุการณ์ไม่สงบในหลายประเทศ รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์ จะเป็นแรงกดดันทิศทางดัชนี ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,560-1,590 จุด
ทั้งนี้ แนะนำรอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ในกลุ่มพลังงาน อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และกลุ่มธนาคาร ที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2560 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น แนะนำ SCB และ TISCO
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัจจัยหนุนราคาทองคำจากบันทึกการประชุมของ Fed ที่ระบุถึงโอกาสที่ Fed จะปรับลดขนาดงบดุลท่ามกลางภาวะดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สูงเกินปกติเมื่อเทียบกับสถิติในอดีต และเหตุวินาศกรรมในหลายประเทศทั้งในยุโรป และตะวันออกกลาง แต่การพบปะ และพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีจีน กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผลลดแรงจูงใจในการถือทองคำลง
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเนื่องจากสถานภาพที่ดีขึ้นของโดนัลด์ ทรัมป์ช่วยหนุนการออกนโยบายใหม่และตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.7% มากและเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี รวมถึงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ให้ผ่านความเห็นชอบของสภาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นลบต่อราคาทองคำในช่วงที่เหลือของเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องความเสี่ยงจากการก่อการร้ายทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และโอกาสที่สหรัฐฯ จะเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย หรือจีนที่ลดลง มีแนวโน้มจะช่วยหนุนราคาทองคำในระยะกลาง เนื่องจากมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น ดังนั้น การลดลงของระดับราคาทองคำในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสในการซื้อคืน หรือซื้อสะสมเพิ่มเติม แต่คาดการณ์การเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดไปอีกสักระยะ เนื่องจากการ breakout ในสัปดาห์ก่อน ไม่สามารถยืนที่ระดับ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐได้ โดยปรับกรอบการแกว่งตัวขึ้นเป็น 1,245-1,275 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินบาทที่กลับทิศทางมาอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นผลดีต่อราคาทองคำในประเทศ จึงแนะนำให้เล่นรอบในกรอบ sideway ระหว่าง 1,245-1,275 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นเล่นฝั่ง long มากกว่า