บล.เออีซี เร่งปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงของรายได้ พร้อมจัดทัพรับมือการแข่งขันทางธุรกิจ ผู้บริหารเผยปีนี้เตรียมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 4 สาขา ชูจุดยุทธศาสตร์สาขา 4 มุมเมือง เล็งนำหุ้นไอพีโอ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4-6 บริษัท และ ดีล M&A อีก 2 ดีล พร้อมพัฒนาเครื่องมือเทรด Block trade เจาะกลุ่มลูกค้า พร้อมเพิ่มช่องทางขยายฐานนักลงทุนสถาบัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เสริมความแข็งแกร่งด้านการลงทุน
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จํากัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2560 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาระดับมาร์เกตแชร์ให้ที่ระดับ 2.8% จากปีก่อนที่มีมาร์เกตแชร์ที่ 2.73% หรืออยู่อันดับที่ 15 โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร และเครื่องมือในการให้บริการที่มีความหลากหลายมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการให้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการขยายสาขาเพิ่ม เพื่อรองรับตามแผนยุทธศาสตร์ 4 มุมเมือง โดยในปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 4 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 14 สาขา ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดสาขาเพิ่มที่โคราช จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสาขาดังกล่าวถือเป็นการเปิดประตูสู่อีสาน ส่วนสาขาอื่นๆ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ตามนโยบายของภาครัฐในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี (AECS) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับธุรกิจด้านวาณิชธนกิจในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัทผู้ประกอบทางธุรกิจทั้งขนาดกลาง และขนาดเล็ก อาทิ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ ธุรกิจด้านสุขภาพ และธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เบื้องต้น ประมาณ 4-6 บริษัทภายในปีนี้ และยังมีดีลการซื้อ หรือควบรวมกิจการ (M&A) ประมาณ 2 ดีล หรือแม้แต่การเข้าไปเป็นปรึกษาการเงินอิสระ (IFA) บริษัทฯ เตรียมขยายฐานกลุ่มนักลงทุนสถาบันมากขึ้น
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ากลุ่มนักลงทุนดังกล่าว เบื้องต้น ประมาณ 4-5 ราย สาเหตุที่บริษัทฯ มีแผนการขยายฐานกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว เนื่องจากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเสริมฐานลูกค้าของบริษัทฯ แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ยังคงขยายฐานกลุ่มนักลงทุนทั่วไปเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ มีแผนที่จะพัฒนาเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับระบบการเทรดใหม่ๆ อาทิ Block Trade ซึ่งเป็นวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย Single Stock Futures (SSF) ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ ซึ่งต้องยอมรับว่า SSF เป็นตัวช่วยในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนได้ ขณะเดียวกัน Block Trade ใช้เงินน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ปัจจุบันมีนักลงทุนเริ่มหันมาเล่น Block Trade มากขึ้น
ดังนั้น จากเครื่องมือการลงทุนใหม่ๆ จึงทำให้ทางบริษัทฯ เร่งพัฒนาระบบ รวมถึงอบรมให้ความรู้พนักงานเจ้าหน้าที่การตลาด ให้เข้าถึงระบบการลงทุนในรูปแบบดังกล่าว และสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในสภาวะตลาดที่เป็นขาขึ้น และขาลงได้ เพื่อให้ตอบโจทย์การลงทุนได้มากขึ้น