นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจรายย่อยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยมียอดสินเชื่อใหม่ 4,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือประมาณ 5% เมื่อกับไตรมาสก่อนหน้า แบ่งเป็นสินเชื่อบ้าน 3,300 ล้านบาท สินเชื่อไม่มีหลักประกัน 1,600 ล้านบาท จากเป้าหมายรวมทั้งปี 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มียอดคงค้าง ณ สิ้นปี 84,000 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 77,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 9-10%
ด้านเงินฝากรายย่อยมียอดรวม 100,000 ล้านบาท จากเงินฝากรวม 190,000 ล้านบาท และช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มียอดเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) กลุ่มธุรกิจรายย่อยไตรมาสแรกอยู่ที่ 4% กว่า โดยปีนี้น่าจะอยู่ในระดับไม่เกินกว่า 3.5% และตั้งเป้าสร้างรายได้เติบโต 15% ซึ่งเท่าที่เห็นปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณการแข่งขันด้านเงินฝากมากนัก แต่หากการปล่อยสินเชื่อเร่งตัวขึ้นอย่างนี้อีกระยะ ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก็อาจจะเห็นการแข่งขันด้านดอกเบี้ยที่รุนแรงขึ้น
“สัญญาณในช่วงไตรมาสแรกถือว่าดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม ที่มียอดสินเชื่อเข้ามาประมาณ 2 พันกว่าล้าน ขณะที่ 2 เดือนแรกยังค่อนข้างแผ่วทำให้ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ด้วยสัญญาณที่เริ่มมา ก็เชื่อว่าจะทำให้เราได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่เอ็นพีแอล ก็น่าจะถึงจุดพีกไปแล้ว ปีนี้ก็น่าจะทรงตัว และปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการเจรจาขายไปอีกก้อนหนึ่้งประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ก็น่าจะเป็นไปตามที่วางไว้เช่นกัน”
นายอดิศร กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เรามีผลงานที่ค่อนข้างดีในช่วงไตรมาสแรกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และให้สิทธิประโยชน์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งในระยะต่อไปก็จะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางออนไลน์ และดิจิตอล โดยจะมีการยกระดับการขอสินเชื่อนอกสถานที่ที่สามารถรู้ผลได้ทันที และนำเงินเข้าบัญชีทันทีที่เอกสารครบ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็จะเพิ่มช่องทางเข้าถึงสินเชื่อ และธุรกรรมต่างๆ ผ่านทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น จากที่ปัจจุบันมีสาขาในเซเว่นฯ 1 แห่ง ก็จะขอเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งตรงนี้ก็จะเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ยังต้องการใช้เคาน์เตอร์แบงก์
“สาขาในเซเว่นแห่งแรกของที่สาขาสีตบุตรนั้น ปริมาณธุรกรรมยังไม่มากเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นที่โดยรอบอยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุง จึงไม่ค่อยสะดวก ซึ่งการเปิดเพิ่มอีก 2 แห่งก็จะทำให้มีความชัดเจนถึงพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้นด้วย”
ส่วนลูกค้ากลุ่ม Wealth ในไตรมาสแรกมีจำนวนลูกค้า 61,000 ราย จากสิ้นปี 59 ที่ระดับ 58,000 ราย ด้วยกลยุทธที่ธนาคารสามารถให้ผลตอบแทนที่ลูกค้าพึงพอใจด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และทันกับภาวะตลาด อาทิ ช่วงที่ตลาดผันผวนลูกค้าไม่กล้าลงทุนกับการลงทุนบางประเภท ธนาคารก็พร้อมนำเสนอการลงทุนประเภทอื่นเป็นทางเลือก กองทุน หุ้นกู้ และหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงกับหลักทรัพย์หลายประเภท และเงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูง