นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ระบุสถานการณ์การเมืองไทยมีความชัดเจน เป็นไปตามโรดแมปที่รัฐบาลกำหนดไว้ ประกอบกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวดี จึงไม่ได้รับผลกระทบแม้ว่าจะมีปัจจัยจากต่างประเทศ อย่างเหตุความไม่สงบในรัสเซียเข้ามากระทบ
“ที่ผ่านมา มีเหตุความไม่สงบมีบ่อยมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์มองว่า นักลงทุนระมัดวังในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ ต้องติดตามว่าหลังจากนี้การบริหารจัดการสถานการณ์ของรัสเซียนั้น จะมีประสิทธิภาพเพียงใด การที่ค่าเงินยังมีความยืดหยุ่นทำให้ทิศทางเงินต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศไทยในระยะสั้น”
ด้าน นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ยอมรับว่า การปรับกฎเกณฑ์การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กำหนดหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นให้กับผู้มีอุปการคุณของบริษัทที่เข้าระดมทุนไม่ให้เกิน 25% อาจกระทบให้บริษัทในต่างจังหวัดที่อยู่ในโครงการเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนฯ บางบริษัทต้องเตรียมความพร้อมที่มากขึ้นทำให้แผนบางบริษัทที่จะเข้าระดมทุนต้องช้าลง ทั้งนี้ ถือการยกระดับบริษัทจดทะเบียนให้มีมาตรฐานมากขึ้น
“ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า จะไม่กระทบกับบริษัทที่จะเข้าระดมทุน เพราะนักลงทุนยังให้การตอบรับหุ้นไอพีโออย่างดี ความต้องการจองซื้อมีจำนวนมาก แต่ยอมรับว่าการปรับเกณฑ์ให้การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนที่เข้มงวดมากขึ้น อาจกระทบให้บางบริษัทต้องเตรียมความพร้อมที่มากขึ้นทำให้แผนบางบริษัทที่จะเข้าระดมทุนต้องช้าออกไป”
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จับมือพันธมิตรพบภาคธุรกิจในต่างจังหวัดหวังดึงเข้าจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ตลาด เอ็ม เอ ไอ ประเมินศักยภาพบริษัทในต่างจังหวัดมีความพร้อมเข้าจดทะเบียนเพียง 10% จากทั้งหมด 100 บริษัท คาดจะเข้าจดทะเบียนได้ภายใน 3-5 ปี
“เอ็ม เอ ไอ เข้าพบภาคธุรกิจในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังจะเพิ่มจำนวนบริษัทต่างจังหวัดให้เข้าระดมทุนมากขึ้น ซึ่งในการทำงานครั้งนี้ เอ็ม เอ ไอ จะร่วมกับสภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าจังหวัด รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้ตรวจสอบบัญชีเพื่อเตรียมพร้อมให้บริษัทเหล่านี้เข้าระดมทุน
ขณะนี้มีบริษัทที่พร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินไปประมาณ 100 บริษัท เข้าจดทะเบียนใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนบริษัทในต่างจังหวัดที่จะเข้าระดมทุนนั้นมีสัดส่วนที่ 10 % เท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร ทั้งในด้านผู้ตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจ”
“ที่ผ่านมา มีเหตุความไม่สงบมีบ่อยมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์มองว่า นักลงทุนระมัดวังในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งนี้ ต้องติดตามว่าหลังจากนี้การบริหารจัดการสถานการณ์ของรัสเซียนั้น จะมีประสิทธิภาพเพียงใด การที่ค่าเงินยังมีความยืดหยุ่นทำให้ทิศทางเงินต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศไทยในระยะสั้น”
ด้าน นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ยอมรับว่า การปรับกฎเกณฑ์การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กำหนดหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นให้กับผู้มีอุปการคุณของบริษัทที่เข้าระดมทุนไม่ให้เกิน 25% อาจกระทบให้บริษัทในต่างจังหวัดที่อยู่ในโครงการเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนฯ บางบริษัทต้องเตรียมความพร้อมที่มากขึ้นทำให้แผนบางบริษัทที่จะเข้าระดมทุนต้องช้าลง ทั้งนี้ ถือการยกระดับบริษัทจดทะเบียนให้มีมาตรฐานมากขึ้น
“ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า จะไม่กระทบกับบริษัทที่จะเข้าระดมทุน เพราะนักลงทุนยังให้การตอบรับหุ้นไอพีโออย่างดี ความต้องการจองซื้อมีจำนวนมาก แต่ยอมรับว่าการปรับเกณฑ์ให้การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนที่เข้มงวดมากขึ้น อาจกระทบให้บางบริษัทต้องเตรียมความพร้อมที่มากขึ้นทำให้แผนบางบริษัทที่จะเข้าระดมทุนต้องช้าออกไป”
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จับมือพันธมิตรพบภาคธุรกิจในต่างจังหวัดหวังดึงเข้าจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ตลาด เอ็ม เอ ไอ ประเมินศักยภาพบริษัทในต่างจังหวัดมีความพร้อมเข้าจดทะเบียนเพียง 10% จากทั้งหมด 100 บริษัท คาดจะเข้าจดทะเบียนได้ภายใน 3-5 ปี
“เอ็ม เอ ไอ เข้าพบภาคธุรกิจในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังจะเพิ่มจำนวนบริษัทต่างจังหวัดให้เข้าระดมทุนมากขึ้น ซึ่งในการทำงานครั้งนี้ เอ็ม เอ ไอ จะร่วมกับสภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าจังหวัด รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้ตรวจสอบบัญชีเพื่อเตรียมพร้อมให้บริษัทเหล่านี้เข้าระดมทุน
ขณะนี้มีบริษัทที่พร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินไปประมาณ 100 บริษัท เข้าจดทะเบียนใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนบริษัทในต่างจังหวัดที่จะเข้าระดมทุนนั้นมีสัดส่วนที่ 10 % เท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร ทั้งในด้านผู้ตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจ”