ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุดัชนีเชื่อมั่นครัวเรือนใน 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากภาวะหนี้ครัวเรือนลดลง แต่ดัชนีความเชื่อมั่นรายเดือนยังลดลง เหตุกังวลเรื่องรายได้ที่ลดลง และการมีงานทำ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR Household Economic Condition Index หรือ KR-ECI) สะท้อนมุมมองคาดการณ์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 46.2 ในเดือน มี.ค.2560 จากเดิมที่ระดับ 45.3 ในเดือน ก.พ.2560 สะท้อนถึงความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาสินค้าสาธารณูปโภคที่อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า
ขณะที่ความเชื่อมั่นของครัวเรือนประจำเดือน มี.ค.2560 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากความกังวลต่อประเด็นเรื่องรายได้ และภาวะการมีงานทำ ประเด็นเรื่องเงินออม รวมถึงประเด็นเรื่องสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนมีความกังวลลดลงในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นผลจากการปลดภาระหนี้สินในหลายส่วนของครัวเรือน ทั้งในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากนโยบายรถยนต์คันแรก สินเชื่ออุปโภคบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) จากการเร่งซื้อไปในช่วงปลายปีก่อน รวมถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากการนำเงินตอบแทนพิเศษ (Bonus) มาชำระคืนหนี้
ทั้งนี้ การที่ครัวเรือนเป็นกังวลในเรื่องรายได้ และภาวะการมีงานทำมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากดัชนีองค์ประกอบที่แสดงมุมมองต่อรายได้ และภาวะการมีงานทำปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 48.1 ในเดือน มี.ค.2560 จากเดิมที่ระดับ 49.6 ในเดือน ก.พ.2560 โดยในประเด็นเรื่องภาวะการมีงานทำนั้น ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ภาวะการมีงานทำของครัวเรือนช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2560 กลับมามีความเปราะบาง และไม่แน่นอนมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เนื่องด้วยธุรกิจ/องค์กร/หน่วยงานที่ครัวเรือนสังกัดมีการปรับตัวทางธุรกิจในด้านการจ้างงานโดย “การปรับลดคนงาน หรือการเลิกจ้าง” เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.2 ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจในเดือน ม.ค.2560 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.7 ในเดือน มี.ค.2560 สอดรับกับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงในเดือน ก.พ. 2560 จากการชะลอตัวของอุปสงค์ และกำลังซื้อ
ในส่วนของประเด็นเรื่องค่าจ้างของครัวเรือนนั้น ผลการสำรวจภาวะการครองชีพชี้ให้เห็นว่า มากกว่าครึ่งของครัวเรือนที่ทำการสำรวจ (ร้อยละ 57.5) ไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีในปี 2560 โดยมีเพียงร้อยละ 41.4 ของครัวเรือนได้รับการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งครัวเรือนส่วนใหญ่ที่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างนั้น เป็นไปในอัตราที่น้อยกว่าหรือเท่ากับอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างในปีก่อนหน้า
โดยสรุป ความเชื่อมั่นของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในอนาคตปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากความกังวลที่ลดลงในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ภาระหนี้ รวมถึงสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า หลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศเริ่มปรับตัวลดลง ขณะที่ความเชื่อมั่นของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในประเด็นเรื่องภาวะการมีงานทำ และรายได้ ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ยังต้องติดตามในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนแห่งเทศกาล สถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาสินค้าสาธารณูปโภค รวมถึงสถานการณ์ตลาดแรงงานในประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นครัวเรือนได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR Household Economic Condition Index หรือ KR-ECI) สะท้อนมุมมองคาดการณ์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 46.2 ในเดือน มี.ค.2560 จากเดิมที่ระดับ 45.3 ในเดือน ก.พ.2560 สะท้อนถึงความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาสินค้าสาธารณูปโภคที่อาจจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า
ขณะที่ความเชื่อมั่นของครัวเรือนประจำเดือน มี.ค.2560 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากความกังวลต่อประเด็นเรื่องรายได้ และภาวะการมีงานทำ ประเด็นเรื่องเงินออม รวมถึงประเด็นเรื่องสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนมีความกังวลลดลงในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย และภาระหนี้สิน ซึ่งเป็นผลจากการปลดภาระหนี้สินในหลายส่วนของครัวเรือน ทั้งในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จากนโยบายรถยนต์คันแรก สินเชื่ออุปโภคบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) จากการเร่งซื้อไปในช่วงปลายปีก่อน รวมถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากการนำเงินตอบแทนพิเศษ (Bonus) มาชำระคืนหนี้
ทั้งนี้ การที่ครัวเรือนเป็นกังวลในเรื่องรายได้ และภาวะการมีงานทำมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากดัชนีองค์ประกอบที่แสดงมุมมองต่อรายได้ และภาวะการมีงานทำปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 มาอยู่ที่ระดับ 48.1 ในเดือน มี.ค.2560 จากเดิมที่ระดับ 49.6 ในเดือน ก.พ.2560 โดยในประเด็นเรื่องภาวะการมีงานทำนั้น ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ภาวะการมีงานทำของครัวเรือนช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2560 กลับมามีความเปราะบาง และไม่แน่นอนมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เนื่องด้วยธุรกิจ/องค์กร/หน่วยงานที่ครัวเรือนสังกัดมีการปรับตัวทางธุรกิจในด้านการจ้างงานโดย “การปรับลดคนงาน หรือการเลิกจ้าง” เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.2 ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจในเดือน ม.ค.2560 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.7 ในเดือน มี.ค.2560 สอดรับกับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงในเดือน ก.พ. 2560 จากการชะลอตัวของอุปสงค์ และกำลังซื้อ
ในส่วนของประเด็นเรื่องค่าจ้างของครัวเรือนนั้น ผลการสำรวจภาวะการครองชีพชี้ให้เห็นว่า มากกว่าครึ่งของครัวเรือนที่ทำการสำรวจ (ร้อยละ 57.5) ไม่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างประจำปีในปี 2560 โดยมีเพียงร้อยละ 41.4 ของครัวเรือนได้รับการปรับขึ้นค่าจ้าง ซึ่งครัวเรือนส่วนใหญ่ที่ได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างนั้น เป็นไปในอัตราที่น้อยกว่าหรือเท่ากับอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างในปีก่อนหน้า
โดยสรุป ความเชื่อมั่นของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในอนาคตปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากความกังวลที่ลดลงในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่าย ภาระหนี้ รวมถึงสถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า หลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศเริ่มปรับตัวลดลง ขณะที่ความเชื่อมั่นของครัวเรือนต่อภาวะการครองชีพในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในประเด็นเรื่องภาวะการมีงานทำ และรายได้ ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า ยังต้องติดตามในประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนแห่งเทศกาล สถานการณ์ทางด้านราคาสินค้า โดยเฉพาะราคาสินค้าสาธารณูปโภค รวมถึงสถานการณ์ตลาดแรงงานในประเทศ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นครัวเรือนได้