ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเก็บภาษีขายหุ้น SHIN คาดจะเสนอผลสรุปส่งต่อปลัดคลังได้ภายในเดือน พ.ค. หลังมีคณะกรรมการเดินหน้าสอบมาได้ราวครึ่งทางแล้ว
นายยุทธนา หยิมการุณ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเก็บภาษีการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าการตรวจสอบในกรณีนี้จะพิจารณาย้อนหลังข้อมูลนับจากปี 2549 จนถึงการที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทรณ์ภาษีในคดีดังกล่าว
โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีภาษีหุ้น SHIN จะยึดตามหลักกฎหมายประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรเป็นหลัก และประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ คาดว่าสามารถสรุปข้อเท็จจริงจริงทั้งหมดเพื่อเสนอ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากในปัจจุบัน ความคืบหน้าในการสอบข้อเท็จจริงนั้น เดินมาได้เกือบราวครึ่งทางแล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าคณะกรรมการฯ ได้เคยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาพบแล้ว 10-15 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้จะมีทั้งข้าราชการของกรมสรรพากรเอง และคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่มีบุคคลที่อยู่นอกกรมสรรพากรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว คณะกรรมการฯ จะได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
นายยุทธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้แบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะเป็นการพิจาณานับตั้งแต่วันที่บริษัท Apple rich Investment ซึ่งจดทะเบียนในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ได้ทำการขายหุ้น SHIN ให้นายพานทองแท้ และนางพิณทางทอง ผู้เป็นบุตรของนายทักษิณ ในราคา 1 บาทต่อหุ้น โดยราคาซื้อขายหุ้น SHIN ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น จะอยู่ที่ 42.25 บาทต่อหุ้น
ส่วนช่วงที่ 2 จะเป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงหลังจากที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำตัดสินให้กรมสรรพากรเพิกถอนการประเมินคุณภาษีคดีดังกล่าวในปี 2553 โดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีการแผนกคดีนักการเมืองที่มีคำตัดสินให้ยึดทรัพย์ของนายทักษิณ โดยทรัพย์สินส่วหนึ่งที่ถูกยึดไปนั้น คือ หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์ในคดีภาษีดังกล่าวนี้ด้วย ดังนั้น เจ้าของหุ้นตัวจริงจริงไม่ใช่นายพานทองแท้ และนายพิณทองทา ซึ่งทำให้บุคคลทั้ง 2 ไม่มีภาระภาษีจากการขายหุ้น SHIN แต่ผู้บริหารกรมสรรพากรในขณะนั้น ไม่ยื่นอุทรณ์คดีนี้ต่อ
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าคณะกรรมการฯ จะดำเนินการเพื่อหาย้อเท็จจริงตามกฎหมายว่า มีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับคดีภาษีหุ้น SHIN โดยไล่ตั้งแต่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจนถึงคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีได้มีกระทำการที่บกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้ การจัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเก็บภาษีการขายหุ้น SHIN ชุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรเร่งยื่นจดหมายเรียกประเมินภาษีต่อนายทักษิณ ก่อนที่จะคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.60 โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สรรพากรได้นำหนังสือแจ้งประเมินภาษีจากการขายหุ้น SHIN ของนายทักษิณ เมื่อปี 2549 รวมเป็นเงินกว่า 17,629.58 ล้านบาท ไปติดไว้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว
นายยุทธนา หยิมการุณ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเก็บภาษีการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น (SHIN) ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าการตรวจสอบในกรณีนี้จะพิจารณาย้อนหลังข้อมูลนับจากปี 2549 จนถึงการที่กรมสรรพากรไม่ยื่นอุทรณ์ภาษีในคดีดังกล่าว
โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีภาษีหุ้น SHIN จะยึดตามหลักกฎหมายประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรเป็นหลัก และประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ คาดว่าสามารถสรุปข้อเท็จจริงจริงทั้งหมดเพื่อเสนอ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง พิจารณาได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากในปัจจุบัน ความคืบหน้าในการสอบข้อเท็จจริงนั้น เดินมาได้เกือบราวครึ่งทางแล้ว
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าคณะกรรมการฯ ได้เคยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาพบแล้ว 10-15 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้จะมีทั้งข้าราชการของกรมสรรพากรเอง และคณะกรรมการอุทธรณ์ภาษีที่มีบุคคลที่อยู่นอกกรมสรรพากรเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในตลอดช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หลังผ่านช่วงเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว คณะกรรมการฯ จะได้เชิญเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องกรณีดังกล่าวมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
นายยุทธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้แบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะเป็นการพิจาณานับตั้งแต่วันที่บริษัท Apple rich Investment ซึ่งจดทะเบียนในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น ได้ทำการขายหุ้น SHIN ให้นายพานทองแท้ และนางพิณทางทอง ผู้เป็นบุตรของนายทักษิณ ในราคา 1 บาทต่อหุ้น โดยราคาซื้อขายหุ้น SHIN ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น จะอยู่ที่ 42.25 บาทต่อหุ้น
ส่วนช่วงที่ 2 จะเป็นการพิจารณาข้อเท็จจริงหลังจากที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำตัดสินให้กรมสรรพากรเพิกถอนการประเมินคุณภาษีคดีดังกล่าวในปี 2553 โดยอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีการแผนกคดีนักการเมืองที่มีคำตัดสินให้ยึดทรัพย์ของนายทักษิณ โดยทรัพย์สินส่วหนึ่งที่ถูกยึดไปนั้น คือ หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์ในคดีภาษีดังกล่าวนี้ด้วย ดังนั้น เจ้าของหุ้นตัวจริงจริงไม่ใช่นายพานทองแท้ และนายพิณทองทา ซึ่งทำให้บุคคลทั้ง 2 ไม่มีภาระภาษีจากการขายหุ้น SHIN แต่ผู้บริหารกรมสรรพากรในขณะนั้น ไม่ยื่นอุทรณ์คดีนี้ต่อ
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าคณะกรรมการฯ จะดำเนินการเพื่อหาย้อเท็จจริงตามกฎหมายว่า มีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องกับคดีภาษีหุ้น SHIN โดยไล่ตั้งแต่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจนถึงคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีได้มีกระทำการที่บกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่
ทั้งนี้ การจัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเก็บภาษีการขายหุ้น SHIN ชุดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรเร่งยื่นจดหมายเรียกประเมินภาษีต่อนายทักษิณ ก่อนที่จะคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในวันที่ 31 มี.ค.60 โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สรรพากรได้นำหนังสือแจ้งประเมินภาษีจากการขายหุ้น SHIN ของนายทักษิณ เมื่อปี 2549 รวมเป็นเงินกว่า 17,629.58 ล้านบาท ไปติดไว้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว