MQDC ลุยลงทุนโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ตั้งเป้าพัฒนาทุกมุมเมืองกรุงเทพฯ ล่าสุด เผยความคืบหน้า โครงการวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน สุขุมวิท 101 มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ทยอยสร้างเสร็จ ไตรมาส 2/61 ตั้งเป้ารายได้จากค่าเช่าปีแรก 1,000 ล้านบาท เผยแบ็กล็อกตุนในมือกว่า 40,000 ล้านบาท
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MQDC เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน (วิสซ์ดอม 101) บริเวณถนนสุขุมวิท 101 ซึ่งพัฒนาเป็นโครงการประเภทมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งแรกของบริษัท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 3 อาคาร, อาคารสำนักงาน, พื้นที่ค้าปลีก บนที่ดินขนาด 43 ไร่ พื้นที่ก่อสร้าง 350,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 30,000 ล้านบาท เริ่มทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2561
สำหรับความคืบหน้าโครงการปัจจุบัน ได้แก่ คอนโดมิเนียม 3 อาคาร ปัจจุบัน “วิสซ์ดอม คอนเนค สุขุมวิท” คอนโดมิเนียม 41 ชั้น รวมห้องชุด 673 ยูนิต ที่ปัจจุบันปิดการขายแล้ว และมีกำหนดโอนให้ลูกค้าเข้าอยู่ในไตรมาส 2 ปี 2561,โครงการวิสซ์ดอม เอสเซ้นส์ คอนโดมิเนียมสูง 50 ชั้น จำนวนห้องชุดรวม 664 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70% ส่วนอาคาร 3 เตรียมเปิดขายในปีนี้ ราคาขายเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนบาทต่อ ตร.ม.
ส่วนอาคารสำนักงาน พื้นที่ 40,000 ตร.ม. จากทั้งหมด 70,000 ตร.ม. และพื้นที่ค้าปลีกภายใต้แนวคิด “Third Place” ไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์ ในส่วนของเฟสแรกบนพื้นที่ 20,000 ตร.ม. หรือราว 200 ร้านค้า จากทั้งหมด 40,000 ตร.ม. จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2561 ซึ่งล่าสุด มีผู้สนใจเช่าพื้นที่ค้าปลีกแล้วเกิน 100% ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้เช่าเพื่อให้อยู่ภายใต้แนวคิด ซึ่งบริษัทต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับผู้อยู่อาศัยในโครงการซึ่งเป็นกลุ่มเจนเนอเรชันวาย หรืออายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายคอนโดมิเนียมรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 2562 โดยงปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท จากการโอนห้องชุดบางส่วนในโครงการแมกโนเลีย ราชดําริ บูเลอวาร์ด มูลค่า 5,000 ล้านบาท และโครงการวิสดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าประมาณ 2,700 ล้านบาท
ด้าน นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ MQDC กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ค้าปลีกบริษัทคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้จะได้ผู้เช่าประมาณ 80% โดยบริษัทได้แบ่งสัดส่วนร้านจำหน่ายสินค้า 50% และร้านอาหารอีก 50% นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับร้านค้าปลีก และร้านอาคารจากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะดองกิโฮเต้ ร้านค้าปลีกชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นให้มาเปิดภายในโครงการ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นเพียงการเจรจาในเบื้องต้น ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีก และพื้นที่อาคารสำนักงานในปี 2561 ซึ่งถือเป็นปีแรกของการเปิดดำเนินการประมาณ 1,000 ล้านบาท และ 1,600 ล้านบาท ในปีถัดไป
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า เมื่อโครงการวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน แล้วเสร็จทั้งโครงการ จะมีผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม ประมาณ 7,000 คน และคนทำงานประมาณ 20,000 คน ส่วนปริมาณผู้ที่จะเข้ามาจับจ่ายในพื้นที่ค้าปลีกของโครงการไม่น้อยกว่า 40,000 คนต่อวัน
ในเร็วๆ นี้ บริษัทจะประกาศทิศทางการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ซึ่งบริษัทยังสนใจที่จะขยายการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสครบวงจรในลักษะเดียวกับโครงการวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ไปในทุกมุมเมืองของกรุงเทพฯ แต่ปัญหา คือ บริษัทไม่มีที่ดินสะสมขนาดใหญ่เกิน 10 ไร่ ซึ่งทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ห่างใจกลางเมือง และมีการเดินทางสะดวก