สศค.เผยเศรษฐกิจไทย ก.พ. ยังโตได้ดีจากการใช้จ่ายภาคเอกชน-รายได้ภาคเกษตรขยายตัว สะท้อนจากเครื่องชี้การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนส่วนใหญ่ส่งสัญญาณดีขึ้น
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ขยายตัวได้ดีจากการใช้จ่ายภาคเอกชน สะท้อนจากเครื่องชี้การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชนส่วนใหญ่ส่งสัญญาณดีขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยด้านการผลิตได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิต และราคาสินค้าเกษตรกรรมที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลทำให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายภาคเอกชนในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 มีสัญญาณดีขึ้น โดยการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 3.4% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวได้ดีทั้งการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการใช้จ่ายภายในประเทศ และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า สอดคล้องกับการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว 1.7% ต่อปี
นอกจากนี้ ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว14.9% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และในเขตภูมิภาคที่ 10.6% และ 16.3% ต่อปี สอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริงที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 19.8% ต่อปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งในด้านผลผลิต และราคาสินค้าเกษตร เช่นเดียวกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว 49.8% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากการที่ค่ายรถยนต์ได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในเดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยฐานที่ต่ำจากการชะลอการซื้อรถยนต์หลังมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในช่วงต้นปี 2559 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 มาอยู่ที่ระดับ 64.3 และสูงสุดในรอบ 14 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวดีขึ้นส่งผลดีต่อรายได้เกษตรกร
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณในทิศทางเป็นบวกเช่นกัน สะท้อนจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 6.3% ต่อปี จากการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถกระบะ 1 ตัน ที่กลับมาขยายตัว 9.8% ต่อปี เช่นเดียวกับปริมาณนำเข้าสินค้าทุนขยายตัว 20.4% ต่อปี และเมื่อปรับผลทางฤดูกาลออกขยายตัว 40.7% ต่อเดือน อย่างไรก็ดี แม้ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 หดตัว -0.1% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาลพบว่า ขยายตัวอยู่ที่ 2.4% ต่อเดือน
ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้า แม้ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 จะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ -2.8% ต่อปี แต่ถ้าหากหักมูลค่าการส่งออกทองคำ และสินค้าหมวดอากาศยานสูง พบว่าขยายตัว 8.5% ต่อปี ทั้งนี้ หมวดสินค้าสำคัญที่สนับสนุนการส่งออก ได้แก่ สินค้าเกษตรกรรม ผลิตภัณฑ์ยางพารา อิเล็กทรอนิกส์ และตลาดที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ จีน CLMV ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป สำหรับมูลค่าการนำเข้า ขยายตัวสูงที่ 20.4% ต่อปี จากหมวดสินค้าสำคัญ เช่น สินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปที่ขยายตัว 20.9% ต่อปี และสินค้าทุนที่ขยายตัว 23.3% ต่อปี ทั้งนี้ การส่งออกที่สูงกว่าการนำเข้าส่งผลให้ดุลการค้า ยังคงเกินดุลที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านการผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมที่ขยายตัว 8.2% ต่อปี โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดสินค้า เช่น ข้าวเปลือก ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล และดัชนีราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นในระดับสูงที่ 12.7% ต่อปี โดยเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญจากราคายางพารา และราคาปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และหมวดประมง ตามอุปสงค์จากต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 อยู่ที่ 1.4% และ 0.6% ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.1% ของแรงงานรวม ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ระดับ 42.0% ถือว่ายังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60% สำหรับทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 อยู่ที่ 183.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศเมื่อเทียบกับหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ณ เดือนมกราคม 2559 คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 3.3 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของเศรษฐกิจไทยในการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้