บอร์ด PPP เห็นชอบเพิ่ม 6 โครงการเข้า Fast Track มูลค่าลงทุนรวมกว่า 6 แสนล้านบาท คาดเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น ซึ่งจะทันกับที่ธนาคารโลก (World Bank) จะเข้ามาทำการสำรวจ Doing Business ในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้มากขึ้น
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ (29 มี.ค.) เห็นชอบโครงการที่จะดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track เพิ่มเติม จำนวน 6 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนมากกว่า 6 แสนล้านบาท
ได้แก่ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-วงแหวนกาญจนาภิเษก (รฟม.) มูลค่าโครงการ 131,172 ล้านบาท 2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันตกและช่วงตะวันออก (รฟม.) มูลค่าโครงการ 195,642 ล้านบาท 3.โครงการรถไฟฟ้าสายภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง (สนข.) มูลค่าโครงการ 39,406 ล้านบาท
4.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม-ชะอำ (ทล.) มูลค่าโครงการ 80,060 ล้านบาท 5.โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ระยอง (รฟท.) มูลค่าโครงการ 152,488 ล้านบาท และ 6.โครงการรถไฟฟ้าสายเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ถึงกรอบวงเงินลงทุนที่ชัดเจน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ PPP ยังรับทราบความคืบหน้าโครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track จำนวน 5 โครงการในปัจจุบัน ซึ่งมีผลการดำเนินการ ดังนี้ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ) 2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) และ 3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) ได้ดำเนินการตามขั้นตอนภายใต้มาตรการ PPP Fast Track เรียบร้อยแล้ว
4.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และ 5.สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี กรมทางหลวงได้ปรับปรุงรายงานผลการศึกษาให้สอดคล้องกับความชัดเจนด้านกฎหมายเพิ่มเติม และเสนอโครงการต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว และคาดว่าจะส่งกลับมายัง สคร.อีกครั้งภายในเดือนเมษายน 2560
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบสรุปประเด็นจากการรับฟังปัญหา และข้อจำกัดฯ รวมถึงข้อเสนอแนะจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการทบทวนพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนกฎหมายให้สามารถส่งเสริมการร่วมลงทุนกับเอกชนมากขึ้นได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2560
นอกจากนี้ คณะกรรมการ PPP ได้อนุมัติให้โครงการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ของกรมธนารักษ์ ดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีการประมูล ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 ตามข้อเสนอของกรมธนารักษ์ และเห็นชอบให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาการยกเว้นให้โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ของกรมธนารักษ์ ซึ่งจะใช้ดำเนินโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานครสามารถคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล ตามที่กรมธนารักษ์เสนอ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะสามารถร่าง TOR และเปิดประมูล 6 โครงการดังกล่าวที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาทได้ ซึ่งเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น ซึ่งจะทำให้เกิดการพูดในแง่ลบได้ยากขึ้น
พร้อมระบุว่า ขณะนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อกฎหมายที่ผ่านกฤษฎีกาทั้งหมด คาดว่าจะจบภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งจะทันกับที่ธนาคารโลก (World Bank) จะเข้ามาทำการสำรวจ Doing Business ในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้มากขึ้น