ก.ล.ต.เปิดรับฟังความคิดเห็นปรับปรุงเกณฑ์จัดสรรหุ้น IPO ให้ผู้มีอุปการคุณ เพื่อให้มีหุ้นพอเพียง และไม่กระจุกตัวกับกลุ่มใด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดให้ผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (หุ้น IPO) ให้กับผู้มีอุปการคุณ และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (related persons - RP) เพื่อให้มีการกระจายหุ้น IPO ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปอย่างเพียงพอ ไม่กระจุกตัวกับกลุ่มบุคคลใดจนทำให้ควบคุมปริมาณหุ้น IPO ได้ง่าย และนำไปสู่การสร้างราคาหุ้น
ในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต. พบว่า การซื้อขายหุ้น IPO ในหลายกรณีมีความร้อนแรง โดยราคาซื้อขายหุ้น IPO ในช่วงแรกที่เข้าจดทะเบียนสูงกว่าราคา IPO มาก ส่วนหนึ่งเกิดจากหุ้นที่จัดสรรในช่วง IPO กระจุกตัวมากในกลุ่ม RP ถึงร้อยละ 40-50 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ซึ่งทำให้สามารถควบคุมปริมาณหุ้นจนนำไปสู่การสร้างราคาหุ้นสูงได้ง่าย นอกจากนี้ พบว่ามีรายชื่อผู้มีอุปการคุณซ้ำกันในการทำ IPO ของบริษัทที่อยู่ต่างอุตสาหกรรมกัน ซึ่งการรายงานผลการขายก็ไม่ชัดเจนว่า เป็นผู้มีอุปการคุณของบริษัทที่แท้จริง
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงเกณฑ์การจัดสรรหุ้น IPO และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในหลักการ และร่างประกาศในปี 2559 ซึ่งภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้การจัดสรรหุ้น IPO ให้กับผู้มีอุปการคุณ และ RP ของบริษัทมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
ในครั้งนี้ ก.ล.ต.จึงได้นำข้อเสนอแนะมาปรับปรุง และจัดทำเป็นร่างประกาศ และเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง โดยประเด็นที่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมในทางปฏิบัติมากขึ้น อาทิ
- ปรับปรุงนิยามของ “ผู้มีอุปการคุณ” เป็นบุคคลที่สร้างประโยชน์อย่างต่อเนื่อง หรือชัดเจนให้กับบริษัท
- กำหนดสัดส่วนการจัดสรรให้ผู้มีอุปการคุณไม่เกินร้อยละ 15 ของหุ้น IPO โดยเมื่อรวมกับส่วนที่จัดสรรให้ RP และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อยแล้วไม่เกินร้อยละ 25 ของหุ้น IPO
- ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทมีหน้าที่จัดทำรายชื่อผู้มีอุปการคุณตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ และนำส่งรายชื่อ และระบุลักษณะการมีอุปการคุณต่อสำนักงานพร้อมกับรายงานผลการขาย
- แก้ไขระยะเวลาการรายงานผลการขายหุ้น IPO จากเดิมที่เสนอภายใน 10 วันเป็นภายใน 30 วัน นับแต่วันปิดการเสนอขายหุ้น
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/hearing) ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2263-6502 หรือทาง e-mail corporat@sec.or.th จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2560