คาดสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบ 1,550-1,593 จุด เชื่อปัจจัยต่างประเทศยังกดดัน แนะกลุ่ม Domestic หุ้นพื้นฐานดีที่ราคายังขึ้นมาไม่มาก และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (27-31 มี.ค.) โดยมองว่า ภาพของตลาดหุ้นไทยยังมองเป็นบวกแต่จะค่อยเป็นค่อยไปจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก แต่ด้วยการผ่านร่างกฎหมายสำคัญของสหรัฐฯ เกิดการสะดุดบวกกับตลาดมีปัจจัยถ่วงเรื่องอื่นๆ อาทิ ความไม่แน่นอนของทิศทางราคาน้ำมัน, การเลือกตั้งยุโรป (เยอรมนี-ฝรั่งเศส) คาดนักลงทุนยังเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็น Reflation Trade อาทิ หุ้นที่เป็นบวกจากดอกเบี้ยต่ำ, หุ้นที่เป็น Domestic Play ของไทยเอง และหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่สูง เป็นต้น
สัปดาห์นี้จึงควรเน้นหุ้นที่เป็น Domestic Play และหุ้นพื้นฐานดีที่ราคายังขึ้นมาไม่มาก และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาดว่าดัชนีฯ ในสัปดาห์นี้จะผันผวนในกรอบ 1,550-1,593 จุด หุ้นที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เลือกกลุ่มตามที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการลงทุน
ช่วงต้นสัปดาห์จะรับผลจาก 2 ตัวแปร คือ เรื่องกฎหมาย American Healthcare ยังไม่ผ่านสภาฯ ซึ่งจะกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ ขณะที่ผลการประชุมกำกับการลดกำลังการผลิตน้ำมัน ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันออกมาในทางบวกต่อราคาน้ำมันดิบ เราประเมินว่า ปัจจัยต่างประเทศยังอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น ทำให้การขึ้น-ลงของตลาดจะไปขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงแบบรายวันของตัวแปรเหล่านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังหันเข้าหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยแม้จะขาดแรงกระตุ้นในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปบ้าง แต่ด้วยราคาหุ้นมีการปรับฐานมาก่อนหน้านี้ และผลการดำเนินงานของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดก็ยังขยายตัวดี โดยคาด กำไรตลาดปีนี้ +9% จึงมีแนวโน้มที่ดัชนีฯ จะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นในสัปดาห์นี้ได้
ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตาม คือ เรื่องอังกฤษเริ่มเจรจา Brexit กับอียู (29 มี.ค.), การประชุม กนง.ของไทย (29 มี.ค.), ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ (30 มี.ค.), ราคาน้ำมันดิบ, ความคืบหน้าในเรื่องกฎหมายด้านสุขภาพของสหรัฐฯ และกฎหมายฉบับอื่นๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการลดภาษี และการแสดงความเห็นต่อทิศทางดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ในการกล่าวสุนทรพจน์ตามที่ต่างๆ
ส่วนสัปดาห์ถัดไป (3-7 เม.ย.) เนื่องด้วยตลาดรับรู้ปัจจัยหลายตัวในสัปดาห์ก่อนไปแล้ว ตลาดจะเริ่มมีความนิ่งมากขึ้น ทิศทางจะเป็น sideway ปริมาณการซื้อขายจะเริ่มเบาบางลงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในสัปดาห์ถัดไป โดยมีตัวแปรสำคัญๆ ช่วง 3-7 เม.ย. คือ เรื่องการรายงานตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (7 เม.ย.)