บริษัท อีสต์ โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กรณีรายการเงินให้กู้ยืมระยะสั้นวงเงิน 50 ล้านบาทแก่ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามกับทาง IFEC เพื่อขอความชัดเจนถึงแนวทางการต่ออายุวงเงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวต่อไป โดยบริษัทยังคงดำเนินการคำนวณดอกเบี้ยที่อัตรา 6.25% ต่อปีตามปกติ และยังไม่ได้พิจารณาดำเนินการใดๆ กับหลักประกันที่มีอยู่ในขณะนี้
ส่วนการพิจารณาเข้าตรวจสอบฐานะกิจการ (Due Diligence) เพื่อประกอบการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ของบริษัท ทรู เอ็นเนอร์ยี่ เพาเวอร์ ลพบุรี จำกัด (TRUE-P) ในกลุ่มของ IFEC นั้น ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเงื่อนไขการวางเงินมัดจำเพื่อประกอบการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจนกว่าผลการพิจารณาตัดสินใจเข้าลงทุนจะมีความชัดเจน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ECF ระบุว่า วางเงินมัดจำ 50 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ใน จ.ลพบุรี ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของกลุ่ม IFEC ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าลงทุนไม่เกินไตรมาส 2/60 ซึ่งหากผลการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ เงินมัดจำดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย แต่หากไม่เป็นที่น่าพอใจ IFEC จะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวภายในวันที่ 26 มี.ค.60
แต่เนื่องจากขณะนั้น ทาง IFEC ต้องการเงินจำนวน 50 ล้านบาท จึงขอให้บริษัทจัดทำสัญญาในรูปแบบเงินกู้ยืมระยะสั้นไม่เกิน 90 วันขึ้นมา ระหว่าง IFEC และ ECF คิดอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี โดยเสนอหลักประกัน คือ หุ้นที่ IFEC ถืออยู่ในบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (IFEC-T) จำนวน 5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.3% มาจำนำ และให้ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาว่า สามารถใช้แทนการวางเงินมัดจำตามสัญญาได้ ขณะที่ IFEC-T ถือหุ้นใน TRUE-P จำนวน 99.99%
ส่วนการพิจารณาเข้าตรวจสอบฐานะกิจการ (Due Diligence) เพื่อประกอบการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ของบริษัท ทรู เอ็นเนอร์ยี่ เพาเวอร์ ลพบุรี จำกัด (TRUE-P) ในกลุ่มของ IFEC นั้น ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเงื่อนไขการวางเงินมัดจำเพื่อประกอบการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจนกว่าผลการพิจารณาตัดสินใจเข้าลงทุนจะมีความชัดเจน
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ECF ระบุว่า วางเงินมัดจำ 50 ล้านบาท เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ (MW) ใน จ.ลพบุรี ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของกลุ่ม IFEC ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าลงทุนไม่เกินไตรมาส 2/60 ซึ่งหากผลการศึกษาเป็นที่น่าพอใจ เงินมัดจำดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของราคาซื้อขาย แต่หากไม่เป็นที่น่าพอใจ IFEC จะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวภายในวันที่ 26 มี.ค.60
แต่เนื่องจากขณะนั้น ทาง IFEC ต้องการเงินจำนวน 50 ล้านบาท จึงขอให้บริษัทจัดทำสัญญาในรูปแบบเงินกู้ยืมระยะสั้นไม่เกิน 90 วันขึ้นมา ระหว่าง IFEC และ ECF คิดอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี โดยเสนอหลักประกัน คือ หุ้นที่ IFEC ถืออยู่ในบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด (IFEC-T) จำนวน 5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.3% มาจำนำ และให้ระบุไว้ในเงื่อนไขสัญญาว่า สามารถใช้แทนการวางเงินมัดจำตามสัญญาได้ ขณะที่ IFEC-T ถือหุ้นใน TRUE-P จำนวน 99.99%