เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดแผน และยุทธศาสตร์ปี 60 เดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาฯ แนวคิดใหม่ที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ด้านผู้บริหารมือเก๋าในวงการอสังหาฯ “พงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์” เผยเน้นเกาะติดความเจริญ-แหล่งท่องเที่ยว ชูจุดแข็งดึงเชนระดับโลกบริหารโรงแรม-เรสซิเด้นซ์ มั่นใจสร้างผลตอบแทนที่ดี และมั่นคงให้กับผู้ลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว วางเป้าปีนี้กวาดรายได้จากโครงการ Mövenpick Resort &Residences
นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (APX) ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 30 ปี เปิดเผยถึงแผนการงานในปี 2560 ว่า การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ จะดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2559 ที่ผ่านมา ตามนโยบาย คือ มุ่งเน้นพัฒนาอสังหาฯ ที่เกาะติดกับความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจการท่องเที่ยว ให้ผลตอบแทนที่ดีให้กับริษัทฯ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอใหกับผู้ซื้อโครงการทั้งระยะสั้น และระยะยาว
สำหรับโครงการพัฒนาตามแผนดำเนินงานในปี 2560 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ APX ต่อเนื่องจากปี 2559 มีดังนี้ 1.โครงการ Mövenpick Resort &Residences ตั้งอยู่ริมหาดนาจอมเทียน พัทยา ประกอบด้วยอาคารชุดประเภท โรงแรมสูง 34 ชั้น 264 ห้องพัก อาคารชุดพักอาศัย สูง 37 ชั้น 196 ห้องชุด และ Pool Villas 34 หลัง ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ในปี 2559 ปัจจุบัน บริษัทฯได้ขายอาคาร โรงแรม ให้แก่ผู้ลงทุนโรงแรม และคงเหลือห้องชุดในอาคาร Mövenpick Residenes และ Pool Villas บางส่วนคิด เพื่อการขาย และโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2560
โดยโครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ได้รับรางวัล Best Luxury Condo in Eastern Seaboard จากรางวัล Thailand Property Award 2015 เป็นบทพิสูจน์หนึ่งของคุณภาพโครงการของเรา
2.โครงการ Sheraton Phuket Grand Bay Resort ตั้งอยู่บนเนินเขา ติดชายทะเล 650 เมตร ที่อ่าวปอ ภูเก็ต ที่ดินโครงการประมาณ 70 ไร่ ประกอบด้วย โรงแรม Sheraton Phuket จำนวน 183 ห้องพัก มูลค่าโครงการประมาณ 2.19 พันล้านบาท และ Grand Bay Residences เป็น Pool Villas 80 หลัง จำนวน 150 ห้องพัก มูลค่าโครงการประมาณ 2.0 พันล้านบาท กำหนดงานก่อสร้าง และตกแต่งในส่วนของ Residences แล้วเสร็จให้โอน และรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2562 และโรงแรม Sheraton Phuket กำหนดงานก่อสร้าง ตกแต่งแล้วเสร็จ เปิดให้บริการประมาณกลางปี 2563 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4.2 พันล้านบาท โครงการนี้ใน Phase แรกเราเปิดขายไปได้มากแล้ว หากสนใจซื้อหรือดูห้องตัวอย่างติดต่อฝ่ายขายได้ที่เบอร์
3.โครงการ Four Points by Sheraton and Vantage Point Residences ตั้งอยู่ริมชายหาดจอมเทียน พัทยา ที่ดินโครงการประมาณ 10.5 ไร่ ซึ่งบริษัทไปซื้อโรงแรมเก่าชื่อ Sigma Resort สูง 15 ชั้น บริษัทเริ่มแผนพัฒนาโดยการปรับปรุง และตกแต่งอาคารโรงแรม และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อ และการบริหารโรงแรมโดยเชน Four Points by Sheraton ซึ่งเหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่นิยมเข้าพักในบริเวณดังกล่าวมีจำนวนห้องพัก 307 ห้องพัก มูลค่าโครงการเมื่อตกแต่งแล้วเสร็จ ประมาณ 1.98 พันล้านบาท กำหนดการตกแต่งแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการ ประมาณปลายปี 2561 มีส่วนที่ว่างคงเหลืออีก 4 ไร่ บริษัทฯ จะพัฒนาเป็นอาคารชุดพักอาศัยชื่อ Vantage Point มีจำนวนห้องชุด 338 ห้องชุด เพื่อการขาย มูลค่าโครงการประมาณ 1.85 พันล้านบาท กำหนดงานก่อสร้างตกแต่งแล้วเสร็จ ประมาณปลายปี 2563 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 3.83 พันล้านบาท โปรเจกต์นี้โชคดีที่ซื้อมาจากกระบวนการฟื้นฟูในราคาไม่แพง
และ 4.โครงการ Hyatt Centric Phuket Resort & Residences ตั้งอยู่ริมหาดไม้ขาว ภูเก็ต บนเนื้อที่ดิน 14 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหม่ล่าสุด ที่บริษัทเพิ่งจะประมูลซื้อได้มาจากกรมบังคับคดี มีหน้ากว้าง 195 เมตรติดชายทะเลสวยงามมาก บริษัทฯ จะพัฒนาเป็นโรงแรม Hyatt Centric มีจำนวนห้องพัก 170 ห้องพัก มูลค่าโครงการประมาณ 1.44 พันล้านบาท และส่วน Hyatt Residences มีจำนวนห้องชุด 106 ห้องชุดเพื่อการขาย มูลค่าโครงการประมาณ 1.4 พันล้านบาท กำหนดงานก่อสร้าง และตกแต่งแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2563 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2.85 พันล้านบาท
“จากประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 30 ปี ผมเชื่อมั่นว่า ธุรกิจของเอเพ็กซ์ฯ จะสามารถสร้างผลกำไรที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างแน่นอน โดยดำเนินโครงการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในระยะสั้น และระยะยาวควบคู่กันไป นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการค้นหาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นที่น่าสนใจ และเจราจากับพันธมิตรทางธุรกิจหลายฝ่าย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง” นายพงษ์พันธ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่สามารถเลือกซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่มีศักยภาพ ในราคาเหมาะสมทั้งจากกระบวนการบังคับคดี และทั่วๆ ไป เพื่อนำมาพัฒนา และปรับปรุงเป็นโรงแรม และเรสซิเดนซ์ พร้อมกับดึงเชนโรงแรมชื่อดังเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ สร้างรายได้ที่ดีให้ลูกค้าที่เข้าลงทุน ทำให้ได้รับผลตอบแทนทั้งในระยะสั้น และระยะยาวที่มั่นคง
นายพงษ์พันธ์ กล่าวอีกว่า จากแผนการดำเนินงานที่มีความชัดเจนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ฯ ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ตอกย้ำถึงความเป็นมืออาชีพของผู้บริหารที่มีความเป็นมืออาชีพที่พร้อมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในระดับแนวหน้าของเมืองไทย ภายใต้จุดขายที่ไม่เหมือนใคร