xs
xsm
sm
md
lg

เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 110.24 ชะลอความร้อนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 110.24 ชะลอความร้อนแรง กลับมาอยู่ในภาวะทรงตัว

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือน มี.ค.60 ว่า ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ในระดับ 110.24 ปรับลดลง 8.58% กลับมาอยู่ในภาวะทรงตัว หลังจากดัชนีอยู่ในภาวะร้อนแรงในเดือนก่อนหน้าที่ 120.59

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในกลุ่มสถาบันในประเทศ ขณะที่ดัชนีนักลงทุนต่างชาติและรายบุคคลปรับตัวลดลง โดยยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวเช่นเดียวกับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่ยังมีปัจจัยที่ฉุดอยู่คือ ความผันผวนของกระแสเงินทุนไหลเข้า-ไหลออก แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้เป็นความกังวลมากนัก เนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีเงินทุนไหลออกไปเพียง 1.34 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีเงินไหลเข้าทั้งสิน 7.84 หมื่นล้านบาท

สำหรับหมวดธุรกิจที่น่าสนใจ คือหมวดธนาคาร (BANK) ส่วนหมวดเหล็กเป็นหมวดธุรกิจที่มีความน่าสนใจมากที่สุด โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงรอความชัดเจนจากการดำเนินโยบายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐที่อาจจะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายปฎิรูปภาษี การกีดกันทางการค้าที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลอดปี 60 ความไม่แน่นอนทางการเมือง และนโยบายทางเศรษฐกิจที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในกลุ่มประเทศยุโรป และความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดทุนในภูมิภาคมีความผันผวนตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย และเงินทุนไหลเข้าออกในภูมิภาค

ด้านนายสุรัตน์ จิรจรัสพร หัวหน้าฝ่ายบริการราคาตราสารหนี้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยถึงดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย เดือน มี.ค. 60 มีแนวโน้มทรงตัวที่ 1.5% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี และ 10 ปี มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ

ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปลายเดือน มี.ค. นี้ อยู่ที่ระดับ 51 ต่ำกว่าดัชนีครั้งก่อนเล็กน้อยที่ 52 สะท้อนว่า ตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่คาดว่าจะทรงตัว

ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.25-1.50% โดยในปีนี้จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 2 ครั้ง ส่วนดอกเบี้ยในระยะยาวมองว่า จะอยู่ที่ 3.00% ในส่วนของตัวเลข PMI ประเทศสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ยังมีทิศทางขาขึ้น โดยเฉพาะจีนและยุโรป ขณะที่ญี่ปุ่น และสหรัฐ ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ขณะที่ตัวเลขส่งออกของสหรัฐปรับตัวขึ้นได้อย่างชัดเจน ส่วนในจีน ยุโรป และญี่ปุ่น ยังปรับตัวขึ้นไม่มากนัก

สำหรับตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 1.17% สวนทางประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม ASEAN ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5-8.9% ซึ่งมองว่าเป็นผลจากที่ตลาดหุ้นไทยปีก่อนปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้เป็นลักษณะแกว่งตัวแบบไซด์เวย์ และมีความผันผวนในบางช่วง โดยมีปัจจัยหนุนจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว และ ภาคการส่งออกที่กลับมาขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยที่ยังกดดัน คือ นโยบายทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่แน่นอน และ การปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐที่ส่งผลต่อกระแสเงินทุนไหลออก
กำลังโหลดความคิดเห็น