กอช.เตรียมกระจายความเสี่ยงการลงทุนในพอร์ต ด้วยการเข้าลงทุนในหุ้น SET 50 อีก 15% หวังลดความผันผวนด้านอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ “สมพร จิตเป็นธม” คาดผลตอบแทนการลงทุนต่อหน่วยจะขยับจาก 1.87% เป็น 3% หลังปรับพอร์ตใหม่แล้ว
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวถึงผลการลงทุนในปี 2559 ว่า มีผลตอบแทน ณ ต้นปี 2559 ราคาสินทรัพย์ต่อหน่วยลงทุน คือ 10.0318 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10.0651 บาทต่อหน่วยลงทุน เมื่อถึงสิ้นเดือน ธ.ค.59 โดยราคาต่อหน่วย อาจผันผวนบ้าง เนื่องจากการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาด และการไหลออกของเงินทุน ซึ่ง กอช.ต้องมีการบันทึกราคาหลักทรัพย์ที่ถือครองตามราคาตลาด (Mark to Market) ทั้งนี้ สมาชิก กอช.ที่มีการออมจนครบอายุ 60 ปี จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นลงของราคาดังกล่าว เนื่องจากอัตราตอบแทนโดยเฉลี่ยของทรัพย์สินทั้งหมดในพอร์ตการลงทุนของ กอช. โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.87%
สำหรับสถานะกองทุน ณ วันที่ 10 มี.ค.60 กอช.มีเงินสะสม และเงินสมทบรวม 2,080 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของสินทรัพย์ทั้งหมดในพอร์ตลงทุนต่อปี 2.08% ราคาสินทรัพย์ กอช.ต่อหน่วยลงทุน 10.0847 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ การลงทุนทั้งหมดเป็นการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง กอช.ที่เป็นกองทุนการออมระยะยาว อย่างไรก็ตาม กอช.ยังได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ลงทุนได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เงินฝาก และพันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันสัดส่วน 72.20% พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน 1.44% และหุ้นกู้ภาคเอกชนชั้นดี 26.36%
ส่วนการลงทุนของ กอช.ปี 2560 แม้ตลาดคาดการณ์แนวโน้มอัตราพันธบัตร และตราสารหนี้ของไทย และทั่วโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็ตาม พอร์ตการลงทุนของ กอช.ยังคงเน้นการลงทุนในตราสารประเภทที่ให้ประโยชน์อย่างมั่นคง เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่สมาชิก โดยปี 2560 กอช.ได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุระหว่าง 3-5 ปี และจะถือครองจนครบอายุ รวมถึงเพิ่มการถือครองตราสารหนี้ในภาคเอกชนด้วย
นอกจากนี้ กอช.ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกไม่เกิน 20% ของมูลค่าพอร์ตรวมเงินออมสะสมจากสมาชิก และเงินสมทบจากรัฐบาลในปัจจุบัน 12,000 ล้านบาท โดยปีนี้ กอช.จะเปิดให้บริษัทจัดการกองทุนรวมเข้ามามีส่วนในการบริหารพอร์ตดังกล่าวนี้ และ กอช.ยังคาดหมายว่า หลังการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 แล้ว จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3% เมื่อถึงสิ้นปี
สำหรับสัดส่วนโครงสร้างการลงทุนใหม่ของ กอช. หลังการลงทุนใน SET 50 จะถูกปรับใหม่โดยลดสัดส่วนการลงทุนในเงินฝาก และพันธบัตรที่รัฐบาลค้ำประกันจาก 72.20% เหลือ 45% การลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 1.44% เป็น 5% หุ้นกู้ภาคเอกชนจาก 30% และการลงทุนในหุ้นจากปัจจุบันที่ยังไม่มีการลงทุนเป็นเพิ่มขึ้น 5% และยูนิตทรัสต์ เพิ่มขึ้นเป็น 5% จากปัจจุบันที่ยังไม่มีการลงทุน
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวถึงผลการลงทุนในปี 2559 ว่า มีผลตอบแทน ณ ต้นปี 2559 ราคาสินทรัพย์ต่อหน่วยลงทุน คือ 10.0318 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 10.0651 บาทต่อหน่วยลงทุน เมื่อถึงสิ้นเดือน ธ.ค.59 โดยราคาต่อหน่วย อาจผันผวนบ้าง เนื่องจากการปรับอัตราดอกเบี้ยในตลาด และการไหลออกของเงินทุน ซึ่ง กอช.ต้องมีการบันทึกราคาหลักทรัพย์ที่ถือครองตามราคาตลาด (Mark to Market) ทั้งนี้ สมาชิก กอช.ที่มีการออมจนครบอายุ 60 ปี จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นลงของราคาดังกล่าว เนื่องจากอัตราตอบแทนโดยเฉลี่ยของทรัพย์สินทั้งหมดในพอร์ตการลงทุนของ กอช. โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.87%
สำหรับสถานะกองทุน ณ วันที่ 10 มี.ค.60 กอช.มีเงินสะสม และเงินสมทบรวม 2,080 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของสินทรัพย์ทั้งหมดในพอร์ตลงทุนต่อปี 2.08% ราคาสินทรัพย์ กอช.ต่อหน่วยลงทุน 10.0847 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ การลงทุนทั้งหมดเป็นการลงทุนในตราสารที่มีความมั่นคงสูง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง กอช.ที่เป็นกองทุนการออมระยะยาว อย่างไรก็ตาม กอช.ยังได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่ลงทุนได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เงินฝาก และพันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันสัดส่วน 72.20% พันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน 1.44% และหุ้นกู้ภาคเอกชนชั้นดี 26.36%
ส่วนการลงทุนของ กอช.ปี 2560 แม้ตลาดคาดการณ์แนวโน้มอัตราพันธบัตร และตราสารหนี้ของไทย และทั่วโลกจะปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็ตาม พอร์ตการลงทุนของ กอช.ยังคงเน้นการลงทุนในตราสารประเภทที่ให้ประโยชน์อย่างมั่นคง เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่สมาชิก โดยปี 2560 กอช.ได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุระหว่าง 3-5 ปี และจะถือครองจนครบอายุ รวมถึงเพิ่มการถือครองตราสารหนี้ในภาคเอกชนด้วย
นอกจากนี้ กอช.ยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอีกไม่เกิน 20% ของมูลค่าพอร์ตรวมเงินออมสะสมจากสมาชิก และเงินสมทบจากรัฐบาลในปัจจุบัน 12,000 ล้านบาท โดยปีนี้ กอช.จะเปิดให้บริษัทจัดการกองทุนรวมเข้ามามีส่วนในการบริหารพอร์ตดังกล่าวนี้ และ กอช.ยังคาดหมายว่า หลังการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET 50 แล้ว จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3% เมื่อถึงสิ้นปี
สำหรับสัดส่วนโครงสร้างการลงทุนใหม่ของ กอช. หลังการลงทุนใน SET 50 จะถูกปรับใหม่โดยลดสัดส่วนการลงทุนในเงินฝาก และพันธบัตรที่รัฐบาลค้ำประกันจาก 72.20% เหลือ 45% การลงทุนในพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเพิ่มขึ้นจาก 1.44% เป็น 5% หุ้นกู้ภาคเอกชนจาก 30% และการลงทุนในหุ้นจากปัจจุบันที่ยังไม่มีการลงทุนเป็นเพิ่มขึ้น 5% และยูนิตทรัสต์ เพิ่มขึ้นเป็น 5% จากปัจจุบันที่ยังไม่มีการลงทุน