เดนทัล คอร์ปอเรชั่น เคาะราคาขาย IPO ที่ 6 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 23-24 และ 27 มี.ค. ก่อนเข้าลงสนามเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai ในหมวดธุรกิจบริการ 3 เม.ย.นี้ ที่ปรึกษาฯ มั่นใจ ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รายได้-กำไรโตแรงต่อเนื่องทุกปี จะทำให้หุ้น D ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น ด้านผู้บริหารเตรียมนำเงินที่ได้ไปขยายกิจการ เพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (D) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 6 บาท โดยจะเปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 23, 24 และ 27 มีนาคมนี้ และคาดว่า D จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ ในวันที่ 3 เมษายน 2560 โดยใช้ชื่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “D”
สำหรับการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
“การกำหนดราคาไอพีโอ ของ D ที่ระดับราคา 6 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้เข้ารับบริการทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย เนื่องมาจากจุดเด่นที่สำคัญ คือ กลุ่มบริษัทมีศูนย์ทันตกรรมที่เป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับมาตรฐานคุณภาพจาก Joint Commission International (JCI) ของสหรัฐอเมริกา แต่เป็นรายที่สองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรายแรก คือ โรงพยาบาลรัฐของประเทศสิงคโปร์ โดยปัจจุบันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียง 3 สถานประกอบการเท่านั้น ที่ได้มาตรฐาน JCI ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวนี้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ทำให้ชื่อเสียงของ “เดนทัล คอร์ปอเรชั่น” เป็นที่ได้รับความไว้วางใจ และได้รับความเชื่อมั่นสูง ซึ่งมั่นใจว่าหุ้น D จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม” นางศิริพร กล่าว
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2559 มีรายได้จากการขาย และการให้บริการรวม 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 26 ล้านบาท หรือ 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 415 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท หรือ 246% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการด้านทันตกรรม และจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีความรัดกุมมากขึ้น
ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจใหริการทางทันตกรรมแบบครบวงจรด้วยเทคโนโลยี และวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีมาตรฐานการรักษาในระดับสากล ปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ให้บริการทางทันตกรรมในรูปแบบศูนย์ทันตกรรม และคลินิกทันตกรรม ภายใต้แบรนด์ “BIDC”, “Dental Signature” และ “Smile Signature” มีจุดเด่นสำคัญที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าระดับเกรดเอ ที่มีรายได้สูงโดยสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งเป็นลูกค้าคนไทย และที่เหลือเป็นลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย ถึง 30-40% กลุ่มบริษัทให้บริการทางทันตกรรมแบบทั่วไป ทันตกรรมเพื่อความงาม ทันตกรรมรากฟันเทียม ทันตกรรมประดิษฐ์ ทันตกรรมจัดฟัน อีกทั้งยังมีส่วนศัลยกรรมช่องปาก รักษารากฟัน และรักษาโรคเหงือก โดยสาขาที่มีชาวต่างชาติมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ได้แก่ BIDC และสาขาที่ภูเก็ต โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้ของชาวต่างชาติของสาขาดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 67% และ 98% ของรายได้ของสาขา ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีทั้งหมด 12 สาขา เป็นศูนย์ทันตกรรม จำนวน 2 สาขา และคลินิกทันตกรรม จำนวน 10 สาขา
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนขยายสาขา โดยจะเลือกในทำเลที่มีศักยภาพที่โดดเด่น และมีกำลังซื้อจริงเท่านั้น อีกส่วนจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน ผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น