สแกน อินเตอร์ ปูพรมรุกสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ ปรับเป้าเร่งเปิดสถานีบริการเพิ่มอีก 13 แห่งภายในปีนี้ เน้นขยายกิจการทุกรูปแบบทั้งการเข้าซื้อกิจการ การร่วมทุนกับพันธมิตร และขอสัญญา เพื่อลงทุนพัฒนาสถานีบริการก๊าซเอง ผู้บริหาร SCN คาดภายในไตรมาส 1/60 เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจาก ปตท. จำนวน 4 สัญญา มั่นใจทั้งปีขยายสถานีบริการก๊าซฯ ได้ครบตามเป้า หวังดันการเติบโตก้าวกระโดด 40% หลังปีก่อนประสบความสำเร็จขยายสถานีบริการก๊าซฯ เพิ่ม 3 แห่ง หนุนกำไรสุทธิพุ่ง 37%
ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากแผนดำเนินธุรกิจในปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโต 30-40% โดยมีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ เป็นหัวหอกที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งปีนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายต้องการเปิดให้บริการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์เพิ่มอีกทั้งสิ้น 13 แห่ง ภายใต้งบลงทุนในปีนี้ 1,350 ล้านบาท โดยรูปแบบการขยายธุรกิจในครั้งนี้ มีทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) จากผู้ประกอบการเดิม การจับมือกับพันธมิตรสถานีบริการน้ำมัน และการขอสัญญาซื้อขายก๊าซจาก ปตท. เพื่อลงทุนพัฒนาสถานีก๊าซ NGV เอง ซึ่งเมื่อรวมกับสถานีบริการก๊าซ NGV สำหรับยานยนต์ที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว 7 แห่งในปัจจุบัน ทำให้สิ้นปีนี้ SCN จะมีสถานีบริการก๊าซธรรมชาติรวมทั้งสิ้น 20 แห่ง
สำหรับรายละเอียดการขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ในปีนี้อีก 13 แห่ง ประกอบด้วย รูปแบบการเข้าซื้อกิจการจากผู้ประกอบการรายเดิมจำนวน 3 แห่ง การจับมือพันธมิตรสถานีบริการน้ำมัน (Join Venture) จำนวน 3 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 7 แห่งนั้น เป็นการขอสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติจาก ปตท. พร้อมดำเนินการก่อสร้างรวม 6 แห่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น
ทั้งนี้ ภายในไตรมาส 1/60 บริษัทฯ คาดว่าจะลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. เพื่อลงทุนก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติเองอีก 4 แห่ง ประกอบด้วย บีพีเอ อินเตอร์เทรด จังหวัดชลบุรี 2 แห่ง คาดการณ์ยอดขายสูงสุดรวม 120,000 กิโลกรัมต่อวัน เอ็มมี่ เอ็นจีวี จังหวัดปราจีนบุรี 1 แห่ง คาดการณ์ยอดขายสูงสุด 40,000 กิโลกรัมต่อวัน และที่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติสยามวาสโก จังหวัดชัยนาท 1 แห่ง คาดการณ์ยอดขายสูงสุด 40,000 กิโลกรัมต่อวัน ส่วนที่เหลือ คาดว่าจะสรุปเพื่อซื้อกิจการอีก 1 แห่ง และรอเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ ปตท.ได้ทั้งหมดภายในปีนี้
ส่วนการขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ในรูปแบบความร่วมมือกับพันธมิตร 3 สถานีนั้น จะเป็นลักษณะเข้าไปดำเนินการติดตั้งหัวจ่ายก๊าซธรรมชาติ NGV เพื่อรองรับการให้บริการยานยนต์ที่ต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงภายในพื้นที่ของสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งบริษัทฯ คาดว่า จะสามารถเซ็นสัญญากับพันธมิตร และติดตั้งหัวจ่ายก๊าซได้ 1 สถานีไม่เกินไตรมาส 2 ของปีนี้ ส่วนที่เหลือ คาดว่าจะดำเนินการให้ทันได้ภายในปีนี้ทั้งหมด
“ปีนี้จะเป็นปีที่เรารุกขยายธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทุกโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากเห็นโอกาสขยายตัวด้านปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในยานยนต์เพิ่มขึ้น หลังภาพรวมราคาน้ำมันยังเป็นทิศทางขาขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการภาคขนส่งหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ที่มีต้นทุนถูกกว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่น เมื่อรวมกับสถานีก๊าซธรรมชาติของเราที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนงานที่วางไว้ในปีนี้ได้” ดร.ฤทธี กล่าว
ทั้งนี้ ประเมินว่าจากแผนรุกขยายสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับยานยนต์ที่จะเปิดเพิ่มอีก 13 แห่ง จะทำให้ผลประกอบการปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากมีทั้งรูปแบบการเข้าซื้อกิจการที่สามารถรับรู้รายได้ทันที ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในปีนี้ จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ SCN สามารถผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตได้ 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากปีก่อนบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายสถานีก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3 แห่งในรูปแบบ M&A ที่ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2559 ของ SCN เติบโตถึง 37% หรือมีกำไรสุทธิ 307.96 ล้านบาท